การผลิตขยายแตนเบียนไข่ไตรโคแกรมมา

ความสำคัญ

แตนเบียนไข่ไตรโคแกรมมา หรือแตนตาแดง เป็นแมลงที่มีขนาดเล็กมาก เมื่อเจริญเต็มที่มีขนาด ประมาณ 0.50 มิลลิเมตร ลำตัวสีน้ำตาลเหลืองขุ่น ตาสีแดง บริเวณเส้นปีกมีขนอ่อนเรียงเป็นแนวตรง แตนเบียนไข่ไตรโคแกรมมาทำลายไข่ของผีเสื้อต่างๆ ได้หลายชนิด เช่น หนอนกออ้อย หนอนกอข้าว หนอนห่อใบข้าว หนอนเจาะ ล้าต้นข้าวโพด หนอนใยผัก หนอนแก้วส้ม หนอนคืบละหุ่ง หนอนคืบกะหล่ำ หนอนเจาะสมอฝ้าย และ หนอนหัวดำมะพร้าว เป็นต้น โดยตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ไว้ในไข่ของแมลงศัตรูพืช เมื่อไข่แตนเบียนฟักออกเป็นตัวหนอนจะอาศัยดูดกินของเหลวอยู่ในไข่ของแมลงศัตรูพืชที่อาศัยอยู่ ไข่ที่ถูกเบียนจะถูกทำลายเปลี่ยนเป็นสีดำภายใน 5 วัน ต่อมาดักแด้แตนเบียนจะพัฒนาเป็นตัวเต็มวัยเจาะออกจากไข่เพื่อผสมพันธุ์วางไข่ต่อไป แตนเบียนไข่ไตรโคแกรมมา 1 ตัว ทำลายไข่ได้ 200-400 ฟอง

การใช้แตนเบียนไข่ไตรโคแกรมม

นำแผ่นกระดาษที่มีไข่ผีเสื้อข้าวสารที่ถูกเบียนแล้ว 7 วัน ไปเย็บติดกับใบพืชหรือต้นพืชในช่วงที่ศัตรูพืชระบาด โดยปล่อยให้ครอบคลุมพื้นที่ และต้องปล่อยเหนือลมในอัตรา 20,000-30,000 ตัวต่อไร่ (10-15 แผ่น/ไร่) สภาพพื้นที่ในขณะปล่อย ต้องไม่มีฝนตก และลมไม่แรงเกินไป ในช่วงเวลาตอนเย็น 16.00 น. เป็นต้นไป จุดปล่อยแต่ละจุดควรมีระยะห่าง 15-20 เมตร ใน 1 ไร่ ปล่อย 10 จุด การนำไปปล่อยให้ใส่ในกระติกน้ำแข็งระหว่าง ขนย้าย ถ้ายังไม่นำไปปล่อยควรเก็บรักษาในกล่องพลาสติกหรือถุงพลาสติกที่ปิดสนิท และใส่ในตู้ควบคุมอุณหภูมิที่ 7- 10 องศาเซลเซียส ได้นาน 2 สัปดาห์

วงจรชีวิต

ระยะไข่ อยู่ภายในไข่ของผีเสื้อ อายุ 1 วัน จะฟักเป็นตัวอ่อน

ระยะตัวอ่อน อยู่ภายในไข่ของผีเสื้อ อายุประมาณ 3 วัน อาศัยกินอยู่ในไข่ผีเสื้อ แล้วเข้าระยะพักตัว 1 วัน ระยะดักแด้อยู่ภายในไข่ของผีเสื้อ อายุ 2 วัน มองภายนอกเห็นไข่ผีเสื้อเป็นสีดำ

ระยะตัวเต็มวัย สีน้ำาตาล ตาสีแดง อายุ 1-12 วัน

การเพาะเลี้ยงผลิตขยายแตนเบียนไข่ไตรโคแกรมมา

วัสดุอุปกรณ์

–  กล่องพลาสติกเหลี่ยมใส มีฝาซึ่งเจาะรูระบายอากาศแล้วบุด้วยผ้าใยแก้ว

–  กระดาษโปสเตอร์สีแดง

–  กาวแท่ง

–  พู่กัน

–  ที่เย็บกระดาษ

–  ลวดเย็บกระดาษ

–  ตู้เขี่ยเชื้อพร้อมหลอด Ultraviolet (หลอดยูวี) ขนาด 30 วัตต์

–  หลอดไฟนีออน

–  มีดคัตเตอร์

–  กรรไกร

–  อุปกรณ์สำหรับตีตารางกระดาษโปสเตอร์

–  น้ำผึ้ง

–  สำลี

–  กล้องจุลทรรศน์สเตอริโอ

–  ชั้นวางกล่อง

–  ตู้ควบคุมอุณหภูมิ

–  ไข่ผีเสื้อข้าวสาร ที่ทำความสะอาดแล้ว

–  พ่อแม่พันธุ์แตนเบียนไตรโคแกรมมา

วิธีการเพาะเลี้ยง

1. ใส่แผ่นพ่อแม่พันธุ์แตนเบียน จำนวน 2 แผ่น ใส่ในกล่องเบียน ทิ้งไว้ 1-2 วัน แตนเบียนฟักเป็นตัวเต็มวัย ปล่อยให้ผสมพันธุ์ 1 วัน โดยให้น้ำผึ้ง 50 เปอร์เซ็นต์ บนกระดาษทิชชูเพื่อเป็นอาหารของพ่อแม่พันธุ์

2. โรยไข่ผีเสื้อข้าวสารบางๆ บนถาดขนาด 45 x 35 เซนติเมตร วางในตู้ยูวี นาน 15-20 นาที เพื่อชะลอ การฟักเป็นตัวหนอน

3.  ใช้กาวแท่งทาบนกระดาษโปสเตอร์สีแดงพื้นที่ประมาณ 2 x 2 เซนติเมตร นำไข่ของผีเสื้อข้าวสารที่ผ่านยูวีแล้วมา โรยบนแผ่นกระดาษบริเวณที่ทากาว

4. นำกระดาษที่โรยไข่แล้วมาวางในกล่องเบียนที่มีพ่อแม่พันธุ์แตนเบียน จำนวน 10 แผ่น (อัตรา แผ่นพ่อแม่พันธุ์ : แผ่นไข่ เท่ากับ 1 : 5)

5. วางกล่องเบียนในห้องอุณหภูมิประมาณ 27 องศาเซลเซียส และเปิดไฟเพื่อเพิ่มความเข้มแสง 12 ชั่วโมง/วัน เป็นเวลา 5 วัน เพื่อให้แตนเบียนวางไข่

6.  เมื่อครบเวลา 5 วัน ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์การเบียน และเก็บแผ่นไข่ที่ถูกเบียนไม่น้อยกว่า 80% เก็บในตู้ควบคุมอุณหภูมิ 7-10 องศาเซลเซียสเพื่อรอการปล่อย

การควบคุมการคุณภาพ

1.  อัตราการเบียน  ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80

2.  อัตราการฟัก  ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95

3.  สัดส่วนเพศ  เพศเมีย : เพศผู้  1 : 1

4.  ไข่ผีเสื้อข้าวสาร 0.1 กรัม ผลิตแตนเบียนได้ 2,000 ตัว (1 แผ่น)

บทความที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ทางสยามคูโบต้าฯ ได้มีโอกาสได้สัมภาษณ์เกษตรกรผู้มากประสบการณ์ในด้านการเพาะปลูกข้าวโพดมานานกว่า 25 ปี ใน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี นั่นก็คือ คุณอนงค์ วัตวงษ์ ซึ่งทำการเพาะปลูกข้าวโพดบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ให้เป็นเกษตรกรมืออาชีพถึงปัจจุบัน โดยที่เกษตรกรรายอื่นสามารถปฏิบัติตามได้อย่างแน่นอน
ในปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมี ซึ่งทำให้เกิดต้นทุนในการผลิตสูง แต่ก็มีเกษตรกรหลายรายหันกลับมาผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองในนาข้าว โดยอาศัยหลักการพึ่งพากันของธรรมชาติ เกิดองค์ความรู้จากการสังเกตว่า พืชผักใบเขียวในส่วนยอดอ่อนๆ จะมีฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตอยู่ในปริมาณมาก เมื่อนำมาหมักให้เ
ชนิด : ข้าวเจ้า คู่ผสม : ได้จากการผสมพันธุ์ ระหว่างสายพันธุ์ BKNA6-18-3-2 กับสายพันธุ์ PTT85061-86-3-2-1 ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ในปี พ.ศ. 2533 ปลูกคัดเลือกจนได้สายพันธุ์ PTT90071-93-8-1-1 การรับรองพันธุ์