แหนแดงคว้าแชมป์ปุ๋ยพืชสดให้ธาตุอาหารสูงแซงพืชตระกูลถั่ว

การใช้แหนแดงแห้งทดแทนปุ๋ยเคมีในแปลงพืชผัก ให้ธาตุไนโตรเจนสูงกว่าพืชตระกูลถั่ว ตอบโจทย์ด้านเกษตรครบวงจร  เข้าทางเกษตรอินทรีย์  นำไปผสมกับวัสดุปลูกช่วยต้นกล้าโตไว  แถมเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีเหมาะเป็นอาหารสัตว์ช่วงแล้งขาดแคลนหญ้า

แหนแดง เป็นเฟิร์นชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เป็นปุ๋ยพืชสดในการผลิตพืช เนื่องจากใบของแหนแดง   มีโพรงใบซึ่งมีสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินชนิดที่ตรึงไนโตรเจนอาศัยอยู่  เมื่อนำมาวิเคราะห์ธาตุอาหารพบว่ามีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบสูงถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ปุ๋ยพืชสดตระกูลถั่วมีธาตุอาหารไนโตรเจนประมาณ 2.5-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้นแหนแดงจึงเปรียบเสมือนโรงงานผลิตปุ๋ยไนโตรเจนทางชีวภาพที่สามารถใช้ทดแทนหรือลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และยังช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินด้ว

มีการปรับปรุงพันธุ์แหนแดงสายพันธุ์อะซอลล่า ไมโครฟินล่า ซึ่งให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์พื้นเมืองถึง 10 เท่าและสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลา 30 วันให้ผลผลิตแหนแดงสดถึง 3 ตัน/ไร่  และสามารถตรึงไนโตรเจนได้ถึง 5-10 กิโลกรัม/ไร่  โดยหลังจากแหนแดงย่อยสลายจะปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาให้พืชได้อย่างรวดเร็ว 

ประโยชน์ของแหนแดง

1. แหนแดงตอบโจทย์กับการทำเกษตรอินทรีย์ เพราะสามารถใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ  จึงได้เริ่มทดสอบนำแหนแดงสดไปตากแดดให้แห้งเพื่อนำไปใช้กับพืชผัก เพราะหากใช้แหนแดงสดต้องใช้ปริมาณมากพืชจึงจะได้รับธาตุอาหารที่เพียงพอ  โดยเมื่อนำแหนแดงแห้งไปตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารผลปรากฏว่ามีคุณสมบัติไม่แตกต่างจากแหนแดงสดและยังใช้แหนแดงแห้งในปริมาณที่น้อยกว่าการใช้แหนแดงสดโดยแหนแดงแห้ง 1 กิโลกรัมสามารถใช้ในพื้นที่ปลูกผักประมาณ 2 ตารางเมตร เมื่อเทียบกับปุ๋ยยูเรียแหนแดงแห้ง 1 กิโลกรัม มีปริมาณธาตุอาหารเท่ากับปุ๋ยยูเรีย ประมาณ 100 กรัม (1 ขีด)

2. แหนแดงแห้งยังสามารถผสมลงไปในวัสดุปลูกตั้งแต่เริ่มปลูกกล้าได้เลย โดยกล้าจะดูดซึมไนโตรเจนเข้าไปในรากพืชเมื่อนำกล้าลงแปลงปลูกพบว่าต้นกล้าที่ใช้แหนแดงผสมกับวัสดุปลูกสามารถเจริญเติบโตได้เร็วกว่าต้นกล้าที่ไม่ได้ใส่แหนแดง 

3. สามารถนำแหนแดงไปใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ ห่าน ปลา วัว และสุกรได้ด้วยเพราะแหนแดงสดมีโปรตีนเป็นองค์ประกอบสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์จึงเหมาะสมสำหรับเป็นแหล่งโปรตีนให้กับสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารในหน้าแล้งขาดแคลนหญ้า 

วิธีการเพาะเลี้ยง

          สามารถทำได้ง่ายโดยทำบ่อเพาะเลี้ยงแม่พันธุ์แหนแดง 2 – 3 บ่อ เพื่อให้เพียงพอต่อการนำไปขยายพันธุ์ต่อในบ่อขยายที่มีขนาดใหญ่ขึ้น  โดยแหนแดงใช้ระยะเวลาขยายพันธุ์จนเต็มบ่อประมาณ 1 – 2 สัปดาห์  และเจริญเติบโตขยายตัวไปได้เรื่อย ๆ เกษตรกรจึงสามารถผลิตได้ตลอดไม่มีวันขาดแคลนรวมทั้งยังสามารถเก็บแหนแดงแห้งใส่กระสอบไว้ได้นานถึง 3 ปีโดยที่ธาตุอาหารยังอยู่ครบ

          ที่ผ่านมาเราอาจจะเคยได้ยินแต่การนำแหนแดงสดไปใช้ประโยชน์ในนาข้าว แต่ในวันนี้ได้มีการพัฒนาต่อยอดและส่งเสริมการนำแหนแดงแห้งไปใช้ประโยชน์ให้กับพื้นที่ปลูกพืชผักโดยเฉพาะพื้นที่ทำเกษตรอินทรีย์  และในพื้นที่แห้งแล้งโดยแหนแดงจะทำหน้าที่ดูดซับน้ำเอาไว้ให้พืช  เนื่องจากแหนแดงแห้งสามารถซับน้ำได้ 300 เท่าของน้ำหนักตัว ที่สำคัญเกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงแหนแดงได้เองด้วยวิธีการง่ายๆ ใช้ต้นทุนน้อยมากในการสร้างบ่อเพาะเลี้ยงแม่พันธุ์และบ่อขยายพันธุ์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบันนี้การทำการเกษตรปลูกพืชด้วยวิถีอินทรีย์กำลังมาแรง และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นกอบเป็นกำ เพราะราคาพืชผักผลไม้ที่ปลูกด้วยระบบอินทรีย์มีราคาสูงกว่าพืชที่ใช้สารเคมีเกือบเท่าตัว และยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่รักชีวิตตนเอง และครอบครัวด้วย เกษตรกรหลายท่านที่ยังคงใช้สารเคมีเพราะคิดว่าการ
ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวร้อยละ 50 ของพื้นที่ทำการเกษตร ทำรายได้ปีละประมาณ 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามเกษตรกรในเขตพื้นที่ชลประทานนิยมปลูกข้าวมากกว่า 2 ครั้งต่อปี หรือปลูกข้าวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเกิดวิกฤติการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงในการปลูกข้าว อีกทั้งการปลูกข้าวอย่างต่อเนื่องกระทบต่อระบบนิเวศน์
ทำไมต้องเป็นถั่วลิสง? เพราะเป็นพืชที่ต้องการใช้น้ำปริมาณ 611 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ และมีอายุเก็บเกี่ยวที่ 85-110 วัน ซึ่งทำให้พี่น้องชาวอีสานสามารถเพาะปลูกได้ เนื่องจากไม่ต้องหาแหล่งน้ำมากในหน้าแล้ง และใช้เวลาในการเพาะปลูกไม่นาน เป็นการเพิ่มรายได้หลังสิ้นฤดูนาปี “ถั่วลิสง เป็นพืชที่นิยมปลูก