มันสำปะหลังพันธุ์ใหม่ “พิรุณ 1” ผลผลิตสูง แป้งดี โตเร็ว ทรงต้นสวย ตัดหัวง่าย ใช้ปุ๋ยน้อย

มันสำปะหลังพันธุ์ “พิรุณุ 1” พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือของกรมวิชาการเกษตร สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ โดยการสนับสนุนงบประมาณการวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 จากลูกผสมมันสำปะหลังรุ่นที่ 1 ระหว่าพันธุ์ห้วยบง 60 ผสมกับ พันธุ์ห้านาที

ลักษณะลำต้น

โตเร็ว คลุมวัชพืชได้ดี ทรงต้นสวย แตกกิ่งที่ระดับเหนือศีนษะ ยอดสีเขียวม่วง ท่อนพันธุ์แข็งแรง ลำต้นมีลักษณะระหว่างข้อเป็นแบบซิกแซก ผลผลิตหัวสด 6.65  ต่อไร่ ปริมาณแป้งในหัวร้อยละ 29ลักษณะหัวทรงกระบอกตวง สีเนื้อหัวสีขาว

จุดเด่น
ให้ผลผลิตหัวสดสูง ปริมาณแป้งในหัวสดสูง ทรงต้นสวย ตัดหัวง่าย ใช้ปุ๋ยน้อยกว่าพันธุ์รับรองทั่วไป เหมาะปลูกในดินร่วนปนทรายมากที่สุด รองลงมา คือ ดินร่วนปนเหนียว ดินเหนียวสีแดง ดินร่วนทราย และดินเหนียวสีดำ

แหล่งท่อนพันธุ์
ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรมหาสารคาม ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมาและในแหล่งปลูกมันสำปะหลังที่สำคัญดังนี้

จังหวัดกำแพงเพชร 081-674-0426
จังหวัดฉะเชิงเทรา 086-520-7547
จังหวัดชลบุรี 089-834-9760
จังหวัดระยอง 081–940–5565
จังหวัดนครราชสีมา อำเภอสีคิ้ว 081–879-5238
จังหวัดสุพรรณบุรี 081–981-2613
จังหวัดนครราชสีมา อำเภอเสิงสาง 088–470-6139 และ 086–246–9109

บทความที่เกี่ยวข้อง

จากการสํารวจสวนยางเกษตรกรในพื้นที่จังหวัด กระบี่ ตรัง สตูล โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร สงขลา พบการแพร่กระจายของแมลงชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแมลงปีกแข็ง ลําตัวส่วนใหญ่ดําเข้าปกคลุมต้นยางตั้งแต่เหนือโคนต้นขึ้นไป และกระจายตัวอยู่รอบบริเวณพื้นดิน ซึ่งการกระจายตัวของแมลง สร้างความกังวลให้แก่ชาวสวนยางพารา
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Cephalosporium, Fusarium และ Acremonium การระบาด 1. ทางท่อนพันธุ์ 2. เชื้อราอยู่ในดินและเศษซากจะเข้าทําลายอ้อย เมื่อปลูกพันธุ์ที่อ่อนแอ 3. โรคจะแพร่กระจายไปทางดินลม ฝน และน้ำชลประทาน ลักษณะอาการ อ้อยจะแสดงอาการใบเหลืองโทรม ต่อมาต้นจะแห้งตาย
วัชพืชเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการปลูกอ้อยและส่งผลให้ผลผลิตของอ้อยลดต่ำลงเป็นอันมากรวมถึงการที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากการกำจัดวัชพืชไม่ทันตามเวลา โดยความเสียหายจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของวัชพืชและอายุอ้อยในขณะนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอ้อยปลูกสำหรับอ้อยตอนั้น