ปรับตัวสู้ภัยแล้ง

ในปัจจุบันเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้ไม่สามารถทำนาในฤดูนาปรังได้ เกษตรกรสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้โดยการปลูกผักอายุสั้น ซึ่งเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้อีกวิธีหนึ่ง โดยผักอายุสั้นที่เกษตรกรนิยมปลูกได้แก่ ผักชี ต้นหอม กะเพรา โหระพา และแตงกวา เป็นต้น  ผักเหล่านี้เป็นผักที่ใช้น้ำน้อยเหมาะสำหรับวิกฤตภัยแล้ง โดยก่อนการเริ่มปลูกนั้นเกษตรต้องทำการปรับสภาพพื้นที่นาให้เหมาะสมสำหรับการปลูกผัก และต้องทำการวางแผนการเพาะปลูกผักให้ตรงกับช่วงฤดูกาลซึ่งจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง จึงควรพิจารณาการเลือกปลูกผักดังนี้

การเลือกปลูกผักให้ตรงตามฤดูกาลนั้นนอกจากทำให้ได้ผักที่มีคุณภาพดีแล้ว เกษตรกรสามารถลดต้นทุนด้านการผลิตได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากผักที่ปลูกตามฤดูกาลนั้นจะได้รับอุณหภูมิ และน้ำในปริมาณที่พอเหมาะทำให้ผักแข็งแรง ดูแลง่าย และเจริญเติบโตได้ดีโดยไม่ต้องใช้สารเคมีในการเพาะปลูกอีกด้วย 

บทความที่เกี่ยวข้อง

การทำนาในประเทศไทย เกษตรกรมีการปลูกข้าวนาปี หรือ ข้าวที่ต้องอาศัยน้ำฝนในการเพาะปลูก เป็นส่วนมาก ซึ่งเพาะปลูกได้เพียงหนึ่งรอบต่อปี เกษตรกรหลายรายจึงจำใจปล่อยแปลงนาของตนให้รกร้าง ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงเป็นการเสียโอกาสในการสร้างรายได้เป็นอย่างมาก แต่พี่น้องเกษตรกรที่ ต.ปากดุก
ในปัจจุบันวิธีการปลูกข้าวที่เกษตรกรนิยม คือ การทำนาหว่าน ซึ่งมีข้อดีคือสะดวกและรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ต้องอาศัยน้ำฝนในการทำนาเพียงอย่างเดียว ดังนั้น การทำนาหว่านข้าวแห้ง จึงเป็นวิธีปลูกข้าวที่แพร่หลายเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม การหว่านข้าวแห้งมีข้อเสียด้วยเช่นกัน
มี 2 ชนิด คือ ไรแดงหม่อน และไรแดงมันสำปะหลัง ตัวอ่อนมี 6 ขา ตัวกลมใส ตัวเต็มวัยมีสีแดงเข้ม มี 8 ขา กว้าง 0.4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ส่วนขาไม่มีสีอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ลักษณะการทำลายไรแดงหม่อนดูดกินน้ำเลี้ยงตามใต้ใบจากส่วนใบล่าง และขยายปริมาณขึ้นส่วนยอด ไรแดงมันสำปะหลังดูดกินน้ำเลี้ยงบน