คำแนะนำในการใช้คลอโรฟิลล์มิเตอร์สำหรับการใส่ปุ๋ย เพื่อเพิ่มคุณภาพของข้าว

การใส่ปุ๋ยไนโตรเจน (N) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการปลูกข้าวให้ได้คุณภาพดีและมีผลผลิตที่สม่ำเสมอ แต่ในดินที่มีการปลูกพืชมักจะขาดแคลนธาตุไนโตรเจน ทำให้เกษตรกรต้องใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในการทำนาทุกครั้ง ซึ่งในการใส่ปุ๋ย หากใส่มากเกินไป อาจทำให้ข้าวเกิดโรคและหักล้มง่าย หากใส่น้อยเกินไป อาจทำให้ได้ผลผลิตต่ำ นอกจากนี้ ยังเกิดปัญหาการใส่ปุ๋ยไม่ตรงกับระยะเวลาความต้องการของข้าวและใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมด้วย ทำให้การใช้ปุ๋ยไม่มีประสิทธิภาพและเกษตรกรมีต้นทุนที่สูงเกินความจำเป็น

สยามคูโบต้า จึงเกิดแนวคิดที่จะช่วยพัฒนาแนวทางการปลูกข้าวของชาวนาไทย ด้วยการนำเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ประเมินความเข้มข้นของคลอโรฟิลล์ในใบพืช โดยไม่ทำลายใบ ที่เรียกว่า คลอโรฟิลล์มิเตอร์ (Chlorophyll meter) ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย สะดวก และวัดผลได้รวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถกำหนดปริมาณการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำ ช่วยให้เกษตรกรมีความเข้าใจในการใส่ปุ๋ยได้อย่างถูกต้อง

ขณะนี้ สยามคูโบต้า กำลังทำการศึกษาวิจัยในแปลงนาทดลองในพื้นที่ จ.อยุธยา โดยมีวิธีการศึกษาวิจัยการใช้คลอโรฟิลล์มิเตอร์ ดังนี้ 

1. เลือกสุ่มต้นข้าว โดยเลือกต้นที่มีการเจริญเติบโตมากที่สุด และเลือกใบข้าวที่ 2-3 (นับจากใบบนสุดของต้นข้าว)

2. ทำความสะอาดใบข้าวให้ปราศจากน้ำและฝุ่นละออง 

3. ทำการวัดค่า โดยใช้ปากคีบของเครื่อง หนีบที่ใบข้าว โดยให้ตำแหน่งหัววัดอยู่บริเวณส่วนกลางใบให้มากที่สุด และไม่ควรให้ตรงเส้นใบหรือก้านใบ เพราะจะทำให้ได้ค่าที่ผิดพลาด และมีข้อแนะนำว่า ในขณะวัดค่าควรป้องกันให้พ้นจากการสัมผัสแสงแดดโดยตรง ด้วยการยืนในตำแหน่งหันหลังให้พระอาทิตย์ เพื่อให้ได้ข้อมูลการใส่ปุ๋ยที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด

ทั้งนี้ ค่ามาตรฐานที่ใช้ประเมินความเข้มข้นของคลอโรฟิลล์ในใบข้าว แบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้

1. มีค่ามากกว่า >35 มีปริมาณไนโตรเจนสูงเกินไป ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย

2. มีค่าระหว่าง 35-30 มีปริมาณไนโตรเจนเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยหรือใส่เพียงเล็กน้อย

3. มีค่าระหว่าง 30-25 มีปริมาณไนโตรเจนค่อนข้างต่ำ จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย

4. มีค่าน้อยกว่า <20 มีปริมาณไนโตรเจนต่ำมาก อาจเกิดจากความเสียหายของรากและใบ

ดังนั้น การใช้คลอโรฟิลล์มิเตอร์ในการตรวจสอบปริมาณธาตุอาหารในใบข้าวตามระยะเวลาที่เหมาะสม จึงเป็นอีกแนวทางในการช่วยจัดการธาตุอาหารได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้เกษตรกรสามารถเพิ่มคุณภาพของผลผลิตและช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย

ในอนาคต สยามคูโบต้า ยังได้วางแผนที่จะนำคลอโรฟิลล์มิเตอร์ ไปทำการศึกษาและทดลองกับกลุ่มพืชชนิดอื่นๆ เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้ครอบคลุมและถ่ายทอดไปยังกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการเกษตร  ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zea mays var. rugosa ชื่อสามัญ : Sweet corn วงศ์ : Poaceae ข้าวโพด เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ปลูกฤดูเดียว ลักษณะลำต้นเป็นปล้องสีเขียวจำนวน 8 – 20 ปล้อง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 – 4 ซม. สูงประมาณ 150 – 220 ซม. ใบมีสีเขียวลักษณะเรียว ขนาดของใบแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะสัมพันธ์กับความแก่-อ่อน ขนาด รูปร่าง รสชาติ และน้ำหนักของข้าวโพดหวาน ปัจจุบันข้าวโพดหวานแต่ละพันธุ์มีอายุใกล้เคียงกัน คือ จะออกดอกประมาณ 45-50 วันหลังปลูก และเก็บเกี่ยวเมื่อข้าวโพดหวานมีอายุไม่เกิน 73 วัน ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม เมื่อข้าวโพดหวาน