การใช้ยิปซัมแก้ปัญหาดินเค็ม

ดินเค็ม เป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเพาะปลูก เนื่องจากมีปริมาณเกลือที่ละลายได้อยู่ในดินมากเกินไปจนส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช ดินเค็มที่มีปริมาณโซเดียมมากเกินไป ได้แก่ ดินโซดิก และดินเค็มโซดิก จะทาให้สมบัติทางกายภาพของดินเสีย อนุภาคดินไม่เกาะตัว เกิดการฟุ้งกระจายได้ง่าย ดินแน่นทึบ น้าซึมผ่านได้ยาก ทาให้เกิดปัญหาต่อการระบายน้า และการชะล้างเกลือออกจากดิน โดยการระบายน้าจะทาได้ง่ายในครั้งแรกแต่เมื่อทาการชะล้างเกลือไปได้ 2- 3 ครั้ง เกลือที่ละลายน้าได้ง่าย (เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม) ในดินจะลดลง แต่ยังคงเหลือปริมาณเกลือโซเดียมสูง ทาให้การชะล้างเกลือด้วยการระบายน้าเป็นไปได้ยากขึ้น

การแก้ไขปัญหาดินประเภทนี้จึงจาเป็นต้องใส่สารปรับปรุงดิน เพื่อให้เข้าไปแทนที่โซเดียมที่ดินดูดยึดไว้ทาให้เม็ดดินเกาะตัวกันมากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการระบายน้าและถ่ายเทอากาศ โดยสารปรับปรุงดินที่นิยมใช้ ได้แก่ ยิปซัม

         ยิปซัม สามารถพบได้ตามธรรมชาติจากการตกตะกอนเป็นชั้นของยิปซัมในพื้นที่ทะเลเก่าที่เป็นแอ่งใหญ่ และได้จากการสังเคราะห์ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลาปาง โครงสร้างหลักประกอบด้วย แคลเซียม ซัลเฟต และโมเลกุลของน้า ซึ่งสามารถนามาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ เช่น นามาปรับสภาพดินเค็ม ลดความแน่นทึบและการชะล้างพังทลายของดิน ลดการสูญเสียธาตุอาหารพืช รวมถึงเป็นธาตุอาหารที่สาคัญ ทาให้ดินเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ทางการเกษตรมากขึ้น ยิปซัมที่นามาใช้ปรับปรุงดินทางการเกษตรควรมีค่าความเป็นพิษของโลหะหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานปัจจัยการผลิต ทางการเกษตรตามระเบียบของกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ข้อดีของยิปซัมในการปรับปรุงดิน

1. ลดปัญหาความเค็มของดิน โดยแคลเซียมจากยิปซัมจะเข้าไปแทนที่โซเดียมในดินเค็ม ทาให้โซเดียมถูก ชะล้างออกจากดินได้โดยง่าย ส่งผลให้ระดับความเค็มของดินลดลง

2. ลดปัญหาการแน่นทึบหรือการจับตัวเป็นก้อนของดิน หรือการเกิดแผ่นแข็งของดิน โดยยิปซัมสามารถละลายน้าและแทรกซึมลงสู่ดินชั้นล่างได้ง่าย ทาให้ดินมีความโปร่ง ร่วนซุย น้าและอากาศแทรกซึมลงไปในดินได้ดี ส่งผลให้ความสามารถในการระบายน้าและอากาศดีขึ้น

3. ลดการกร่อนหรือการชะล้างพังทลายของหน้าดิน จากการไหลบ่าของน้าหน้าดิน เนื่องจากโครงสร้างดินที่ดีขึ้น เม็ดดินมีเสถียรภาพมากขึ้น ทาให้ความสามารถในการแทรกซึมน้าจากผิวดินลงสู่ดินชั้นล่างมากขึ้น ช่วยลดปัญหาการเกิดการไหลบ่าของน้าและการกร่อนดินได้

4. ลดอัตราการสูญเสียธาตุอาหารพืช ได้แก่ ฟอสฟอรัส แอมโมเนียมไนโตรเจน และไนโตรเจน

5. มีธาตุอาหารรองที่สาคัญ 2 ชนิด ได้แก่ แคลเซียม ช่วยในการแบ่งเซลล์และใช้ในกระบวนการภายในเซลล์ เสริมสร้างการเจริญเติบโต ตั้งแต่ระดับรากพืชในการดูดธาตุอาหารไปจนถึงการแตกกิ่งก้านและหน่อ สาหรับ กามะถัน ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน และสร้างคลอโรฟิลล์ที่ใช้สังเคราะห์แสง หากขาดกามะถันจะทาให้ใบมีสีเหลืองซีด

          การใส่ยิปซัม เพื่อปรับปรุงสภาพดินให้ดีขึ้น จากนั้นจึงทาการไถพรวนด้วยรถแทรกเตอร์รุ่น M และอุปกรณ์ต่อพ่วงผานพรวน เพื่อย่อยสลายเศษวัชพืชในแปลง และเป็นการพลิกหน้าดินเพื่อทาการเกษตรกรรมต่อไป

ข้าว การปลูกข้าวนาปรัง ใช้กล้าข้าว อายุ 20-25 วัน ปักดาข้าวจานวน 2 ต้น ต่อกอ ใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ ดินร่วมกับยิปซัม อัตรา 50 กิโลกรัม ต่อไร่ แบ่งใส่ 2 ครั้ง เมื่ออายุ 20 และ 60 วัน ให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น 670 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตข้าวสูงสุด 1,170 กิโลกรัมต่อไร่

มันสาปะหลังการใส่ยิปซัมอัตรา 200 กิโลกรัมต่อไร่ ปรับปรุงดินเค็มโซดิกที่ ดอนเพื่อปลูกมันสาปะหลัง และใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อมันสาประหลังอายุ 2 และ 4 เดือน ให้ผลผลิตหัวมันสาปะหลังสดเพิ่มขึ้น 500 กิโลกรัมต่อไร่ ในปีที่ 2 ของการปลูก

การใช้ยิปซัมเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาปัญหาดินเค็มที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตรทั้ง กายภาพและทางเคมี ช่วยทาให้ดินมีคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกมากขึ้น พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตทางการ เกษตรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การพัฒนาและใช้ประโยชน์พื้นที่ดินเค็มสาหรับการทาเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

แตงไทยผลไม้ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน จะกินสดก็ดีนำไปทำของหวานก็อร่อย แต่วิธีปลูกแตงไทยให้ได้ผลเยอะ เนื้อหวาน เป็นที่ต้องการของตลาดนั้น ต้องทำอย่างไร ใช้วิธีการปลูกแตงไทยแบบไหน KUBOTA จะมาแนะนำให้แบบครบถ้วนทุกรายละเอียด
กำจัดข้าวเรื้อก่อนปลูก เตรียมแปลงโดยตากหน้าดินหลังเก็บเกี่ยวข้าวอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แล้วใช้โรตารี่หรือขลุบย่ำ กลบตอซัง (ไม่ควรใช้ผานไถเพราะจะกลบเมล็ดข้าวเรื้อลงใต้ดิน ยากต่อการกำจัด) จากนั้นระบายน้ำออกให้หน้าดินแห้ง 2 สัปดาห์ ล่อให้ข้าวเรื้องอกใช้ขลุบย่ำกลับข้าวเรื้อหมักไว้ 3-5 วันก่อนคราดทำเทือกปลูก
เทคนิคการเพิ่มผลผลิตอ้อย ซึ่งเป็นความ เกี่ยวข้องกันระหว่างระบบการปลูกและขั้นตอนการดูแลแปลงนั้นก็คือ การปรับระบบปลูกเพื่อใช้เครื่องจักรกลเข้าดูแลแปลงได้ตลอดอายุการ เจริญเติบโตของอ้อย ในขั้นตอนการดูแลรักษาแปลงที่สำคัญคือ การ ป้องกันกำจัดวัชพืช และการใส่ปุ๋ย ซึ่งปัจจุบันนี้จากปัญหาการขาดแคลน แรงงาน