เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการจัดการดินเปรี้ยวเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน

การเตรียมกล้าพันธุ์ปาล์มน้ำมัน :

ควรเลือกต้นกล้าปาล์มน้ำมันที่แข็งแรง สมบูรณ์ มีอายุประมาณ 12-14 เดือน ทำการขนย้ายด้วยความระมัดระวังและนำไปปลูกในพื้นที่ที่เตรียมไว้

การปลูกปาล์มน้ำมัน :

กำหนดระยะปลูกปาล์มน้ำมัน ถ้าคันดินปลูกปาล์มกว้าง 5-6 เมตร แนะนำให้ปลูกแถวเดียวตรงกลางร่อง มีระยะปลูก 8×8 ตารางเมตร หรือ 9×9 ตารางเมตร และถ้าคันดินปลูกปาล์มกว้าง 8 เมตร แนะนำให้ปลูกแถวคู่สลับฟันปลา มีระยะปลูก 8×8 ตารางเมตร หรือ 9×9 ตารางเมตร เช่นเดียวกัน

ขั้นตอนการปลูกปาล์มน้ำมัน :

  • ใส่ปุ๋ยรองก้นหลุมเพื่อเป็นการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน โดยรองก้นหลุมด้วยร็อกฟอสเฟตในอัตรา 250-500 กรัมต่อหลุม หลังจากที่ใส่โดโลไมท์และปุ๋ยหมักลงในหลุมประมาณ 2 ใน 3
  •  คลุกเคล้าดินกับปุ๋ยเพื่อป้องกันการสัมผัสของรากโดยตรง
  • คลุมดินด้วยฟางข้าวหรือใบหญ้าแฝก หรือปลูกพืชตระกูลถั่ว คลุมบริเวณโคนต้น ช่วยรักษาความชื้นในดินและรดน้ำให้ชุ่ม
  • การตรวจแปลงหลังจากการปลูก เพื่อให้แน่ใจว่าต้นกล้าอยู่ในสภาพเดิม ต้นใดที่ยังอัดดินไม่แน่นหรือถูกลมพัดโยก ต้องทำหลักแล้วผูกให้แน่น
  • การปลูกซ่อม ควรเตรียมต้นกล้าปาล์มน้ำมันสำรองไว้ประมาณ 5% ของต้นกล้าทั้งหมด การซ่อมควรทำภายในระยะเวลา 1 เดือน

การดูแลรักษา :

กำจัดวัชพืช โดยเครื่องตัดหญ้าและแรงงานคน

ควบคุมระดับน้ำในร่องให้มีความสม่ำเสมอ ให้น้ำทุกวันในช่วงแรกปลูก โดยให้น้ำระบบสปริงเกลอร์หรือให้น้ำแบบใช้เรือพ่น

การให้น้ำสปริงเกลอร์นั้น ต้องมีสระน้ำขนาดใหญ่เก็บไว้ในช่วงฤดูแล้งโดยต่อท่อวางระบบให้น้ำแบบสปริงเกลอร์ โดยใช้หัวฉีด 1 หัวในช่วงแรกของการเจริญเติบโตปีที่ 1-2 และใช้หัวฉีด 2 หัวต่อต้นในปีที่ 3 เนื่องจากปาล์มน้ำมันเจริญเติบโตเต็มที่เริ่มให้ผลผลิต มีความต้องการน้ำปริมาณมาก

การใช้ทะลายเปล่าปาล์มน้ำมันไปคลุมดินบริเวณโคนต้นปาล์ม เมื่อย่อยสลายจะช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน และช่วยรักษาความชื้นของดินได้อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

กระชายดำเป็นพืชล้มลุกเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีสารสำคัญหลายชนิด ได้แก่ Borrneol, Sylvestrene, สาร 5,7-dimethoxyflavone และ สาร Flavonoids 9 ชนิด ซึ่งมีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจ คือ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านเชื้อจุลินทรีย์บำรุงหัวใจ และโรคลมทุกชนิด แก้อาการปวดท้อง จุกเสียด ท้องเดิน ขับปัสสาวะ
ปัจจุบันนี้ ได้มีเกษตรกรบางส่วนเริ่มเปลี่ยนพื้นที่จากการปลูกข้าวมาเป็นอ้อยในหลายพื้นที่ เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสที่มั่นคงของ “อ้อย” เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความต้องการของตลาดจำนวนมาก และที่สำคัญ มีการกำหนดราคาที่ชัดเจน แต่ด้วยเกษตรกรบางราย ไม่กล้าตัดสินใจที่จะเปลี่ยนพื้นที่จากการทำนามาเป็น
จุดกำเนิด ของการปลูกมันสำปะหลังเพื่อเลี้ยงโคนมในระบบอินทรีย์ของประเทศไทย เริ่มต้นจากกระแสการดูแลสุขภาพของคนทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเกษตรกรต้องการลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน แหล่งน้ำ และอากาศ รวมถึงการตอบแทนคุณแผ่นดินซึ่งเป็นที่ทำกินตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ