ไตรโคเดอร์มาป้องกันโรคราแป้งในเมล่อน

เมล่อน เป็นพืชที่มีความอ่อนแอต่อศัตรูพืช ทั้งโรคและแมลง มีโรคหลายชนิดที่พบทั่วไปในการปลูก เมล่อน ทาให้ผลผลิตเสียหาย ไม่ได้คุณภาพผลตามที่ตลาดต้องการ ดังนั้นการปลูกเมล่อนจึงต้องดูแลละเอียด ตลอดฤดูปลูก ทาให้มีต้นทุนการผลิตสูงกว่าพืชอื่น เราจึงต้องให้ความสาคัญในการรู้จักโรคและการป้องกันกาจัดโรคที่เกิดในแปลงปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นประเด็นหลักที่เราทาการยกตัวอย่างโรคราแป้งในเมล่อน นามาวิเคราะห์หาสาเหตุ แนะนาวิธีการป้องกันกาจัด ตลอดจนวิธีการขยายเชื้อราไตรโคเดอร์มา เพื่อให้เกษตรกรสามารถนาไปใช้เป็นหลักการในการแก้ปัญหา ต่อไปจึงจะทาให้มีความคุ้มค่ากับการลงทุนของเกษตรกร

โรคราแป้ง (powdery mildew)

เชื้อสาเหตุ เกิดจากเชื้อรา : Erysiphe cichoracearum De candolle , Sphaerotheca fuliginea

         ลักษณะอาการ ราสร้างสปอร์เป็นผงสีขาวๆ คล้ายผงแป้ง มักพบอาการบนใบแก่และเป็นในระยะต้นพืชติดผลเกิดกระจายทั่วบนใบ หลังจากนั้นใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมน้าตาล ม้วนงอและเหี่ยวแห้ง

การแพร่กระจาย แพร่กระจายโดยทางลม ระบาดได้ดีในช่วงที่สภาพอากาศแห้งและเย็น

การป้องกันและการกาจัด

  1. การใช้สายพันธุ์ต้านทานโรค
  2. ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า พ่นเพื่อป้องกัน ให้ฉีดพ่นในอัตราเชื้อสด 1 กิโลกรัม ต่อน้า 200 ลิตร พ่นในเวลาเย็น 2-3 ครั้ง ห่างกัน 5-7 วัน
  3. ใช้เชื้อแบคทีเรีย บาซีลัส ซับทีลิส พ่นเมื่อพบการระบาดไม่รุนแรง ให้ฉีดพ่นเวลาเย็น ใช้อัตรา 30 กรัม ต่อน้า 20 ลิตร เริ่มพ่นเมื่อพบการระบาดของโรค และพ่นซ้าทุก 7 วัน ควรพ่นในเวลาเช้าตรู่หรือเวลาเย็น
  4. เมื่อไตรโคเดอร์ม่า และบาซีลัส ซับทีลิส ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดเชื้อราได้ ให้ฉีดพ่นด้วยกามะถัน ชนิดละลายน้าอัตรา 30-40 กรัม ต่อน้า 20 ลิตร ฉีดในสภาพอุณหภูมิต่า ถ้าฉีดพ่นที่อุณหภูมิสูงจะมีผลให้ใบของเมล่อนไหม้
  5. หากพ่นกามะถันแล้วยังควบคุมไม่ได้ จึงใช้สารเคมีป้องกันกาจัดโรคพืช เช่น เบนโนมิล ไตรโฟลีน โพรฟิเนบ ไพราโซฟอส และคาร์เบนดาร์ซิม เป็นต้น อัตราการใช้ตามฉลาก ซึ่งเส้นใยของเชื้อราเจริญอยู่ด้านบนใบ ดังนั้นในการฉีดพ่นสารป้องกันกาจัดโรคพืชให้ได้ผลดี ต้องพยายามพ่นให้ถูกส่วนด้านบนใบให้มากที่สุด ซึ่งในวันนี้เรามาแบ่งปันความรู้เรื่อง การขยายเชื้อราไตรโคเดอร์ มาใช้ในแปลงปลูกเมล่อนเพื่อให้ เมล่อนของเรารอดพ้นจากเชื้อราแป้งและราอื่นๆ ที่จะทาให้ผลผลิตเมล่อนเสียหาย ไม่ได้คุณภาพผลตามที่ตลาดต้องการ ก่อนจะเริ่มทาการขยายเชื้อราไตรโคเดอร์มา เรามาทาความรู้จักเชื้อราไตรโคเดอร์มากันก่อนว่าคืออะไร เชื้อราไตรโคเดอร์มา (Trichoderma spp.) จัดเป็นเชื้อราชั้นสูงที่เจริญได้ดีในดินเศษซากพืชซากของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมทั้งจุลินทรีย์ และวัสดุอินทรีย์ตามธรรมชาติ เป็นเชื้อราที่ปฏิปักษ์ต่อเชื้อราอื่นที่เป็นสาเหตุของโรคพืชหลายชนิด เชื้อไตรโคเดอร์มาจะใช้วิธีแทงรากเข้าสู่ภายในเส้นใยของเชื้อราชนิดอื่นแล้วแย่งกินอาหารของเชื้อราอื่นๆ รวมถึงการปล่อยเอนไซม์หรือสารปฏิชีวนะเพื่อทาลายและกินเชื้อราอื่นเป็นอาหาร นอกจากนี้พบว่าเชื้อราไตรโคเดอร์มา สามารถชักนาให้ต้นพืชสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคและโรคพืชต่าง ๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย

การผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดสด

วัสดุและอุปกรณ์ :

  1. หม้อหุงข้าวไฟฟ้าอัตโนมัติ
  2. น้าสะอาด
  3. ทัพพีตักข้าว
  4. ถุงพลาสติกใสทนร้อน ขนาด 8 X 12 นิ้ว
  5. ข้าวสาร
  6. ยางวง 
  7. เข็มเย็บผ้า หรือเข็มหมุด
  8. หัวเชื้อรา

วิธีการผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์มา

1. หุงข้าว ใช้ข้าวสาร 2 ส่วน และน้า 1 ส่วน ถอดปลั๊กทันทีเมื่อสวิตช์หม้อข้าวดีด จะได้ข้าวกึ่งสุกกึ่งดิบ ข้างนอก

เมล็ดปริ ส่วนข้างในเป็นไตสีขาว ซุยข้าวให้เมล็ดข้าวร่วน

2. ตักข้าวใส่ถุงพลาสติกขณะยังร้อน ถุงละ 250 กรัม

(ข้าว 1 กิโลกรัม ใส่ได้ 4 ถุง)

3. พับปากถุงลงด้านล่าง ปล่อยทิ้งไว้ให้ข้าวอุ่น (เกือบเย็น)

4. เหยาะหัวเชื้อใส่ลงบนข้าว 4-6 เหยาะ

5. รัดยางตรงปลายปากถุงให้แน่น โดยให้มีพื้นที่ว่างในถุงมากกว่าพื้นที่ใส่ข้าว

6. ขยาหรือบีบข้าวในถุงเบา ๆ เพื่อให้ถุงเชื้อกระจายอย่างทั่วถึง (เห็นผงเชื้อสีดากระจายในเนื้อข้าว)

7. เจาะรูใต้ยางที่มัดถุง โดยใช้เข็มสะอาดเจาะประมาณ 20-30 ครั้ง

8. วางถุงข้าวในลักษณะแบนราบให้ข้าวแผ่กระจายทั่วถุง และไม่วางถุงข้าวซ้อนทับกัน ควรวางบริเวณที่มีแสงสว่าง อากาศถ่ายเท ไม่มีมดและสัตว์อื่น ๆ ประมาณ 5 – 7 วันเชื้อราจะเจริญปกคลุมเมล็ดข้าว

9. เมื่อบ่มครบ 2 วัน ขยาข้าวในถุงเบา ๆ ให้ข้าวเกิดการคลุกเคล้าอีกครั้ง เพื่อช่วยให้เส้นใยกระจายตัว กดข้าวให้แผ่แบนราบเช่นเดิม แล้วดึงกลางถุงให้โป่งขึ้น

10. บ่มเชื้อต่ออีก 4 – 5 วัน จะเห็นเชื้อสีเขียวปกคลุมเมล็ดข้าวนาไปใช้ทันทีหรือเก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา (8 – 10 องศาเซลเซียส)

ข้อควรระวังในการผลิตเชื้อชนิดสด

1. ต้องตักข้าวที่หุงแล้วใส่ถุงพลาสติกขณะที่ข้างกาลังร้อน เพื่อให้ความร้อนในถุงข้าวทาลายจุลินทรีย์จากอากาศที่อาจปนเปื้อนอยู่ในถุงข้าว

2. การใช้เข็มแทงรอบบริเวณปากถุงที่รัดยางไว้มีความสาคัญอย่างยิ่ง ควรแทงไม่น้อยกว่า 15 จุด / ถุง เพราะถ้าอากาศไม่สามารถระบายถ่ายเทได้ดี เชื้อจะเจริญไม่ทั่วทั้งถุง (ก้นถุงยังเห็นข้าวเป็นสีขาว)

3. ควรบ่มเชื้อไว้ในบริเวณที่ได้รับแสงสว่าง ซึ่งแสงจะช่วยกระตุ้นการสร้างสปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มา

4. อย่าลืมขยาข้าวเมื่อบ่มเชื้อครบ 2 วัน (หลังใส่เชื้อ) แล้วดึงถุงให้โป่งขึ้นเพื่อมีอากาศในถุง ห้ามวางถุงซ้อนกัน

5. ป้องกันอย่าให้ มด แมลง หรือสัตว์มากัดแทะถุงข้าว จากการพบโรคราแป้งในเมล่อนที่กล่าวมาข้างต้น จะให้เห็นว่าถ้าเกษตรกรสารารถจาแนกชนิดของราสาเหตุโรคได้ชัดเจน แล้วทาการป้องกันกาจัดได้ถูกต้อง ถูกวิธี และใช้ตามอัตราที่แนะนาของสารแต่ละชนิด ใช้ในเวลาที่เหมาะสม ก็จะสามารถลดการใช้สารเคมีลงได้ แต่ยังได้ผลผลิตดี นอกจากนี้ยังสามารถผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์มาใช้เองได้ด้วย เท่ากับเป็นการลดต้น เพิ่มผลผลิตนั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

มะเขือเทศเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกกันมากในโรงเรือน เป็นพืชประเภทผลเบอรี่ มีผิวเปลือกบาง ไม่สามารถแยกออกจากเนื้อผลได้ แม้ว่าช่วงนี้เราจะไม่พบโรคพืชหรือแมลงศัตรูพืชของมะเขือเทศในโรงเรือน แต่ในช่วงที่ผลมะเขือเทศกําลังขยายตัว และระยะเก็บเกี่ยว มักจะพบว่าผลมะเขือเทศมีอาการก้นผลเน่า ทําให้ผลผลิตเสีย
ความรู้การเกษตรฉบับนี้จะพาทุกท่าน Go Inter มุ่งสู่แดนอาทิตย์อุทัย ประเทศญี่ปุ่น ไปดูกันว่าการเกษตรของประเทศซึ่งได้ชื่อว่า “เจ้าแห่งเทคโนโลยี” เค้าพัฒนาไประดับไหนกันแล้ว ก่อนอื่นคงต้องเล่าถึงลักษณะทั่วไปของประเทศ และการเกษตรของญี่ปุ่นกันก่อน ประเทศญี่ปุ่นเป็นกลุ่มเกาะกรวยภูเขาไฟสลับชั้น
ดินลูกรัง (Skeletal soils)หมายถึง ดินที่พบชั้นลูกรัง ชั้นกรวด ชั้นเศษหิน หรือชั้นหินพื้นในระดับตื้นกว่า 50 เซนติเมตร จากผิวดิน เนื้อดินบนเป็นดินทรายปนดินร่วนถึงดินร่วนปนทราย อาจพบกรวด หินมนเล็ก หรือเศษหินปะปน จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของพืช ดินลูกรังเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ