ผสมเกสรเมล่อนอย่างไรให้ติดผล

การผสมเกสรเป็นหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญสำหรับการเพาะปลูกเมล่อนในโรงเรือน เนื่องจากโรงเรือนเป็นระบบปิด แมลงไม่สามารถเข้าไปภายในโรงเรือนเพื่อช่วยในการผสมเกสรได้ ดังนั้นจึงต้องมีการใช้แรงงานคนเข้ามาช่วยในขั้นตอนนี้

       หลักการสำคัญของการผสมเกสรคือ ให้ทำการผสมเกสรในข้อที่ 9-12 เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ไม่อยู่ต่ำเกินไป จนผลเมล่อนห้อยติดพื้น และไม่สูงเกินไปจนได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ โดยต้องทำการผสมเกสรดอกตัวเมียทุกดอกที่บาน และช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการผสมเกสร คือ 06.00 – 10.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่อุณหภูมิต่ำ จะส่งผลให้เปอร์เซ็นต์การผสมเกสรติดผลเพิ่มขึ้นนั่นเอง

วิธีการผสมเกสรจะต้องนำละอองเกสรตัวผู้ไปผสมในดอกตัวเมีย ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ 2 วิธี คือ

1.  การผสมดอกต่อดอก

2.  ใช้พู่กันในการช่วยผสม

เทคนิค

  • การผสมเกสรจะใช้ดอกตัวผู้ผสมซ้ำ 3 ดอก ต่อดอกตัวเมีย 1 ดอก  
  • ช่วงผสมเกสรให้หยุดการฉีดพ่นสารอาหารและสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ตั้งแต่เริ่มผสมเกสรดอกแรกไปประมาณ 7 วัน

เทคนิคการสังเกตดอกเมล่อน

ดอกตัวผู้ คือ ดอกจะขึ้นตามข้อ เกิดเป็นกระจุกหลายดอก ส่วนของฐานดอกไม่มีกระเปาะ
ดอกตัวเมีย คือ ดอกจะที่บริเวณกิ่งแขนง ฐานรองดอกจะมีลักษณะกลมรี เป็นกระเปาะผลเห็นชัดเจน

หลังจากทำการผสมเกสรแล้ว 1-2 วัน  ถ้าผสมติดกระเปาะผลจะขยายใหญ่ขึ้นและเจริญเติบโตเป็นผลในที่สุด แต่ถ้าหากกระเปาะผลเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองแสดงว่าผสมไม่ติด ให้หาสาเหตุและวิธีการแก้ไขในการผสมดอกถัดไปทันที

บทความที่เกี่ยวข้อง

คุณนิโรจน์ แสนไชย เจ้าของ “สวนแสนไชย” ผู้อยู่ในวงการลำไยมาอย่างยาวนาน ทั้งลองผิดลองถูก จนสวนแห่งนี้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร โดยสวนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดลำพูน มีพื้นที่ปลูกลำไยกว่า 86 ไร่ ภายในสวนได้ปลูกลำไยแบบต้นเตี้ยระยะชิด ขนาด 6X6 เมตร และปลูกลำไยพันธุ์ “อีดอ”
ศูนย์การเรียนรู้อีกแห่งที่เราอยากแนะนำก็คือ ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ข้าว) ซึ่งอยู่ใกล้แค่จังหวัดสุพรรณบุรีนี่เอง ที่เกิดจากความตั้งใจของคุณสุกรรณ์ สังข์วรรณะ ที่นี่ได้เปิดพื้นที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางการเกษตรผสมผสานตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้แก่เกษตรกรทั่วไปรวมถึง
ดินลูกรัง (Skeletal soils)หมายถึง ดินที่พบชั้นลูกรัง ชั้นกรวด ชั้นเศษหิน หรือชั้นหินพื้นในระดับตื้นกว่า 50 เซนติเมตร จากผิวดิน เนื้อดินบนเป็นดินทรายปนดินร่วนถึงดินร่วนปนทราย อาจพบกรวด หินมนเล็ก หรือเศษหินปะปน จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของพืช ดินลูกรังเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ