เตือนภัย “โรคต้นแตกยางไหล” ในเมล่อน

แม้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลย่อมเป็นผลดีต่อการเจริญเติบโตของพืชมากมายหลายชนิด แต่เมื่อมีข้อดีก็มักจะต้องมีข้อเสียควบคู่กันไป อย่างเช่นในปัจจุบันประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกรในการเพาะปลูกพืช แต่ไม่เป็นผลดีแน่หากเกษตรกรเลือกทาการเพาะปลูกพืชตระกูลแตง เช่น แตงกวา บวบ และเมล่อน ในช่วงฤดูกาลนี้ เนื่องจากพืชตระกูลแตงมักจะพบการระบาดของโรคต้นแตกยางไหลอย่างรุนแรง

แล้วทุกท่านเคยสงสัยกันไหมว่า “ โรคต้นแตกยางไหล ทำไมมักจะเกิดการระบาดรุนแรงในช่วงฤดูฝน ” คำตอบคือ “ เมื่อฝนตกจะทาให้เกิดความชื้นในดิน ทาให้เชื้อรา Mycosphaerella citrulline และ Didymella sp. ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคดังกล่าวขยายพันธุ์เข้าสู่ลาต้นของพืชตระกูลแตงได้อย่างรวดเร็ว โดยลักษณะอาการที่สังเกตุเห็นได้อน่างชัดเจน คือ แผลจะฉ่าน้า เป็นยางเหนียวสีน้าตาลแดงที่บริเวณโคนต้น ลาต้น และก้านใบ เมื่อแผลแห้งจะเป็นจุดสีดาเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วบริเวณแผล ”

หากเกษตรกรรับมือกับการระบาดของโรคดังกล่าวได้ไม่ทันเวลาจะส่งผลให้ผลผลิตเสียหายและรายได้ของเกษตรกรลดลงอย่างมาก ดังนั้นเกษตรกรต้องหาวิธีการป้องกันกาจัดโรคนี้อย่างถูกต้องและถูกวิธี

ซึ่งทุกท่านไม่ต้องกังวลใจไปวันนี้เราได้รวบรวมวิธีการต่างๆมาให้ทุกท่านเลือกปฏิบัติแล้ว โดยสามารถปฏิบัติได้ดังนี้

ขั้นตอนที่สาคัญ คือ หมั่นสารวจแปลงปลูกบ่อยครั้งในช่วงฤดูฝน หากพบอาการที่กล่าวไว้เบื้องต้นให้รีบทาการป้องกันทันที โดยวิธีป้องกันแบ่งได้ 2 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1 พืชแสดงอาการเพียงเล็กน้อย และพบเพียงไม่กี่ต้นในแปลงเพาะปลูก ให้เลือกวิธีที่ปลอดภัยในการป้องกัน คือ การใช้ปูนขาวโรยบริเวณรอบโคนต้นในอัตราประมาณ 2 กรัมต่อต้นจะเป็นการป้องกันเชื้อราในดินขยายสู่ลาต้น และใช้ปูนขาวผสมน้าทาบริเวณแผลที่ฉ่าน้า เมื่อกลับมาสารวจแปลงอีกครั้งหลังจากป้องกันด้วยวิธีดังกล่าวจะพบว่าบริเวณแผลจะแห้งอย่างรวดเร็ว

กรณีที่ 2 พืชแสดงอาการอย่างรุนแรง และพบทั้งแปลงเพาะปลูก ให้ใช้แมนโคเซบฉีดพ่นซ้าทุก 7 วัน โดยใช้ในอัตราที่ฉลากระบุอย่างเคร่งครัด

โรคนี้นอกจากเกิดการระบาดจากช่วงฤดูกาลที่เป็นสาเหตุหลักแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุที่สาคัญ คือ เมล็ดพันธุ์ ที่ใช้ในการเพาะปลูก ดังนั้นก่อนการเพาะปลูกทุกครั้งควรแช่เมล็ดพันธุ์ด้วยไตรโครเดอร์มา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีทาสามารถลดการระบาดของโรคต้นแตกยางไหลได้นั้นเอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

อุตสาหกรรมการเกษตรกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน (Climate Change) ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แรงงานสูงวัย และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เกษตรกรต้องพัฒนาศักยภาพในการทำการเกษตรให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตควบคู่กับการลดต้นทุนการผลิต โดยใช้ทรัพยากร
ความรู้การเกษตรฉบับนี้จะพาทุกท่าน Go Inter มุ่งสู่แดนอาทิตย์อุทัย ประเทศญี่ปุ่น ไปดูกันว่าการเกษตรของประเทศซึ่งได้ชื่อว่า “เจ้าแห่งเทคโนโลยี” เค้าพัฒนาไประดับไหนกันแล้ว ก่อนอื่นคงต้องเล่าถึงลักษณะทั่วไปของประเทศ และการเกษตรของญี่ปุ่นกันก่อน ประเทศญี่ปุ่นเป็นกลุ่มเกาะกรวยภูเขาไฟสลับชั้น
โรงเรือนจัดว่าเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกษตรกรในปัจจุบันนิยมนำมาประยุกต์ใช้ในการปลูกพืชต่างๆมากมาย เช่น มะเขือเทศ เมล่อน พริกหวาน และผักสลัด เป็นต้น เนื่องจากการเพาะปลูกพืชเหล่านี้ในโรงเรือนสามารถดูแลและสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าหากไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคพืชได้นั้น