ราชามะเขือเทศ

ปัจจุบันเทคโนโลยีโรงเรือนอัจฉริยะ (Smart Green House) ได้เข้ามามีบทบาทในภาคการเกษตรไทยมากขึ้น เนื่องจากสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชได้ และยังลดความเสี่ยงการเกิดโรคและแมลงซี่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลผลิตของเกษตรกรเสียหาย

วันนี้จะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับเจ้าของสวนราชามะเขือเทศ ( วิสาหกิจชุมชนสวนกล้วยอู่ทอง ) คุณชาตรี รักธรรม(พี่อ้อม) บ้านเลขที่ 11 หมู่ 14 ต. จรเข้สามพัน อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี ที่มีประสบการณ์การปลูกมะเขือเทศในโรงเรือนมามากกว่า 4  ปี  และมีโรงเรือนทั้งหมด 36 หลัง บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ โดยสามารถผลิตมะเขือเทศเฉลี่ย 4-5 กิโลกรัมต่อต้น ซึ่งเคล็ดลับที่สำคัญขึ้นอยู่กับ 5 ปัจจัย ดังนี้

  • ดิน (ธาตุอาหาร)
  • น้ำ
  • ชนิด และสายพันธุ์ของพืช
  • อุณหภูมิ/แสง
  • ลดสภาวะความเสี่ยง (ภูมิคุ้มกันในการปลูกพืช)

นอกจาก 5 ปัจจัยนี้แล้ว พี่อ้อมยังได้บอกอีกว่าการเลือกรูปแบบโรงเรือนให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและอุณหภูมิในประเทศไทยนั้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ซึ่งพี่อ้อมใช้ระยะเวลา 4 ปีในการศึกษารูปแบบโรงเรือนทั้ง 4 รูปแบบ จนได้รูปแบบที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด เรามาดูกันว่าโรงเรือนรูปแบบไหนเหมาะกับสภาพอากาศและอุณหภูมิอย่างไรกันบ้าง

เมื่อเราสามารถเลือกรูปแบบโรงเรือนที่เหมาะสมได้แล้ว หลังจากนี้เรามาดูเทคนิคและขั้นตอนต่างๆในการปลูกและดูแลมะเขือเทศในโรงเรือนตามฉบับสวนราชามะเขือเทศกันเลย

ขั้นตอนการปลูกมะเขือเทศในโรงเรือนฉบับราชามะเขือเทศ

  นอกจากเทคนิคตามปฏิทินการเพาะปลูกมะเขือเทศในโรงเรือนแล้ว พี่อ้อมยังกล่าวถึงเทคนิคการใส่ปุ๋ยให้พืชในแต่ละช่วง ดังนี้

  ระยะย้ายกล้า เน้นการให้ปุ๋ย สูตร N(ไนโตรเจน) และ สูตร P(ฟอสฟอรัส)

  ระยะออกดอก เน้นการให้ปุ๋ยสูตร P(ฟอสฟอรัส) และ สูตร K(โพแทสเซียม)

  ระยะเก็บเกี่ยว เน้นการให้ปุ๋ยสูตร N(ไนโตรเจน)  สูตร P(ฟอสฟอรัส)  และ สูตร K(โพแทสเซียม)

โดยการให้ปุ๋ยเคมีควรให้ในปริมาณที่น้อย แต่ให้บ่อยครั้ง เพื่อให้พืชสามารถใช้ประโยชน์จากปุ๋ยมากที่สุด นอกจากนั้นทางสวนราชามะเขือเทศยังผลิตปุ๋ยจากมูลไส้เดือนใช้เองอีกด้วยซึ่งเป็นการลดต้นทุนในการผลิต และปุ๋ยมูลไส้เดือนสามารถเพิ่มธาตุอาหารในดินให้สมบูรณ์ได้ โดยส่วนผสมของปุ๋ยมูลไส้เดือน คือ

1.  ปุ๋ยหมัก (ผลิตเอง)

2.  มูลวัวตากแห้ง

3.  เชื้อเห็ดฟางเก่า

4.  รำข้าว

5.  ไส้เดือนสายพันธุ์แอฟริกา 

นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างเกษตรกร ที่สามารถทำการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อปรับเปลี่ยนมาเพาะปลูกในโรงเรือนและได้นำวิธีการปลูกพืชแบบผสมผสานมาใช้ ทำให้มีรายได้เข้ามาทุกวัน เนื่องจากสามารถให้ผลผลิตทุกฤดูกาล 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อุตสาหกรรมการเกษตรกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน (Climate Change) ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แรงงานสูงวัย และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เกษตรกรต้องพัฒนาศักยภาพในการทำการเกษตรให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตควบคู่กับการลดต้นทุนการผลิต โดยใช้ทรัพยากร
การปรับระดับดินนา โดยเครื่องจักรกลปรับระดับดินนาด้วยแสงเลเซอร์ (Laser land leveling) เครื่องจักรกลปรับระดับดินนาด้วยแสงเลเซอร์ มีการพัฒนามาแล้วกว่า 30 ปี ในการปรับระดับดิน เพื่อการจัดการน้ำให้กระจายทั่วถึงทั้งแปลงและระบายออก โดยเครื่องมือในการปรับระดับดินนาด้วยแสงเลเซอร์ มีองค์ประกอบหลัก คือ
ระบบการให้น้ำพืช เป็นวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีวิศวกรรมเกษตรประเภทหนึ่ง ที่มีการพัฒนาขึ้นเพื่ออํานวยความสะดวกให้แก่เกษตรกร ช่วยให้ใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยให้น้ำเท่าที่พืชต้องการ ลดภาระด้านแรงงาน และช่วยลดความเสียหายของพืชอันเนื่องมาจากการขาดน้ำ ปัจจุบันนิยมใช้ระบบการให้น้ำพืชเพื่อลดภาระงานและลดความ