การเลี้ยงปลาเพื่อรักษาระบบนิเวศ

บ่อกักเก็บน้ำทางการเกษตร เมื่อใช้ไปนาน ๆ มักมีสีเขียวเข้มขึ้น เพราะเหตุใด ?

บ่อยครั้งที่บ่อกักเก็บน้ำที่ใช้ในการเกษตรมักจะมีสีเขียว เริ่มจากสีเขียวอ่อน ๆ นานไปก็มีสีเข้มขึ้น หากปล่อยไว้ คุณภาพน้ำคงแย่แน่ ๆ

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำมีสีเขียว เกิดจากสาหร่าย หรือเหล่าแพลงตอนพืช ที่เจริญเติบโต
อย่างรวดเร็ว และมีปริมาณมาก ช่วงเวลากลางคืนสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในน้ำ ซึ่งถ้ามากเกินสมดุล ก็จะทำให้น้ำเน่าเสียได้

วิธีการจัดการอย่างง่าย และคุ้มค่า คือ การเลี้ยงปลาประเภทกินพืชภายในบ่อ เช่น ปลานิล
ปลานวลจันทร์ ปลายี่สก

ในอัตราส่วนลูกปลาอายุ 2 เดือน และโดยรวมต้องไม่เกิน 4 ตัวต่อพื้นที่ผิวน้ำ 1 ตารางเมตร

ปลาเหล่านี้จะกินสาหร่ายสีเขียว หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างแพลงตอนพืชเป็นอาหาร
และช่วยควบคุมสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ให้อยู่ในระดับสมดุล ทำให้น้ำกลับมามีคุณภาพที่ดีขึ้น

และในทุก ๆ 6 เดือน เกษตรกรยังสามารถจับปลาที่ได้ขนาดออกไปจำหน่าย หรือรับประทาน
ช่วยลดความแออัดของจำนวนปลาในบ่อลงได้อีกด้วย

เทคนิคอีกอย่างเพื่อรักษาระบบนิเวศที่ดี คือ ห้ามปล่อยปลาที่หากินตามท้องน้ำ เช่น ปลาสวาย หรือปลาดุก เพราะปลาเหล่านี้จะตีน้ำให้ขุ่น ทำให้ระบบนิเวศเสียหาย และอาจมากินพืชที่เราเลี้ยงไว้อีกด้วย

หากอยากรับข่าวสาร และความรู้ดี ๆ แบบนี้เพิ่มเติม อย่าลืมติดตามได้ที่ https://kas.siamkubota.co.th/

ดาวน์โหลด :

ที่มาของข้อมูล :

บทความที่เกี่ยวข้อง

รู้หรือไม่ว่าการทำนาด้วยวิธีการหว่านแห้ง หรือการหว่านน้ำตม ส่งผลให้เกษตรกรต้องเพิ่มต้นทุนการผลิต ทั้งค่าเมล็ดพันธุ์ และค่าจ้างแรงงาน เนื่องจากการหว่านจะทำให้ต้นข้าวแตกกอหนาแน่น ไม่เป็นระเบียบ จึงจัดการดูแลรักษายาก โดยเฉพาะการกำจัดวัชพืช มีโอกาสเกิดโรคและได้รับความเสียหายจากแมลงศัตรูพืช
การทำนาในประเทศไทย เกษตรกรมีการปลูกข้าวนาปี หรือ ข้าวที่ต้องอาศัยน้ำฝนในการเพาะปลูก เป็นส่วนมาก ซึ่งเพาะปลูกได้เพียงหนึ่งรอบต่อปี เกษตรกรหลายรายจึงจำใจปล่อยแปลงนาของตนให้รกร้าง ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงเป็นการเสียโอกาสในการสร้างรายได้เป็นอย่างมาก แต่พี่น้องเกษตรกรที่ ต.ปากดุก