รู้จัก การทำนาเปียกสลับแห้ง การทำนาลดโลกร้อน

รู้จัก การทำนาเปียกสลับแห้ง การทำนาลดโลกร้อน

การทำนาเปียกสลับแห้ง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำนา ยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาให้ดีขึ้น พร้อมตอบโจทย์การทำนาแบบรักษ์โลก ซึ่งการทำนาเปียกสลับแห้งทำอย่างไร มีข้อดีแบบไหน ศึกษา
การเป็นชาวนารักษ์โลกไปพร้อมกับ KAS ได้ในบทความนี้

การทำนาเปียกสลับแห้ง คืออะไร

การทำนาเปียกสลับแห้ง เป็นเทคนิคการจัดการน้ำในแปลงนาให้มีทั้งสภาพเปียกและสภาพแห้งที่เหมาะสม
กับความต้องการน้ำของข้าวในแต่ระยะการเจริญเติบโต โดยปล่อยให้น้ำแห้งตามธรรมชาติเพื่อให้ดิน
มีการระบายน้ำและอากาศที่ดี กระตุ้นให้รากและลำต้นข้าวมีความแข็งแรง โดยช่วงที่เหมาะสมต่อเทคนิค
การทำนาเปียกสลับแห้ง ได้แก่ ระยะข้าวแตกกอและก่อนเก็บเกี่ยว การทำนาเปียกสลับแห้งนอกจากจะช่วยกระตุ้นให้ต้นข้าวแข็งแรงแล้ว ยังประหยัดน้ำในการเพาะปลูก และลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นหนึ่ง
ในก๊าซเรือนกระจกสาเหตุของการเกิดสภาวะโลกร้อนอีกด้วย

การทำนาเปียกสลับแห้ง

ขอบคุณภาพจาก : ARDA THAILAND

ข้อดีของการทำนาเปียกสลับแห้ง

  • ลดการใช้น้ำในภาคการเกษตร ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำสำหรับการเพาะปลูกข้าวมากถึง 25-40% เนื่องจากมีการควบคุมระดับน้ำภายในแปลงนา พร้อมกับมีช่วงที่ปล่อยน้ำให้แปลงนาแห้ง
    ตามช่วงเวลาที่เหมาะสม
  • ลดต้นทุนการเพาะปลูก ลดต้นทุนค่าสูบน้ำเข้าออกแปลงนา และต้นทุนค่าปุ๋ย ค่าสารเคมี
    ในการเพาะปลูกข้าวเมื่อต้นข้าวมีความแข็งแรงมากขึ้น 
  • เพิ่มผลผลิต การทำนาเปียกสลับแห้งสามารถช่วยให้รากและลำต้นข้าวเจริญเติบโตแข็งแรงมากขึ้น ต้นข้าวสามารถดูดซับธาตุอาหารได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหากมีการป้องกันกำจัดวัชพืชภายในแปลงอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วย
  • ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก การทำนาเปียกสลับแห้งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับการทำนาแบบขังน้ำตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการจัดการในแต่ละพื้นที่
  • มีโอกาสสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) เมื่อเกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งพร้อมกับมีการบันทึกข้อมูลกิจกรรมภายในแปลง เกษตรกรมีโอกาสสร้างรายได้เสริมจากการขาย คาร์บอนเครดิต กับหน่วยงานที่เปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการหรือรับซื้อคาร์บอนเครดิตจากภาคเกษตร

วิธีการทำนาเปียกสลับแห้ง

การทำนาเปียกสลับแห้งมีวิธีการดังนี้

  1. เตรียมท่อ PVC วัดระดับน้ำ ขนาด 4 นิ้ว ยาว 25 ซม. ให้วัดจากขอบท่อลงมา 5 ซม. จากนั้น
    ใช้ปากกาเคมีทำเครื่องหมายไว้ กำหนดระยะห่างทุก ๆ 5 ซม. จากนั้นทำการเจาะรูตามที่มีการทำเครื่องหมายไว้
  2. นำท่อ PVC วัดระดับน้ำที่เจาะรูไปฝังไว้ในแปลงนาลึก 20 ซม.จากระดับผิวดิน และท่อจะพ้นระดับ
    ผิวดินขึ้นมาอีก 5 ซม.จากนั้นทำการขุดดินในท่อออก เมื่อนำน้ำเข้าแปลงนาให้สังเกตระดับน้ำ
    จะเสมอปากท่อ PVC รูปแบบการติดตั้งท่อให้วาง 1 ท่อ ต่อที่นา 1 แปลง หรือวางตามระดับ
    ความลาดชันของพื้นที่
อุปกรณ์การทำนาเปียกสลับแห้ง

ขอบคุณภาพจาก: เกษตรก้าวไกล กับ สวก.

  • ในวันที่ทำการเพาะปลูกให้ลดระดับน้ำเสมอผิวดินเพื่อสะดวกต่อการดำนา และหลังจากดำนา 1-2 วันให้ทำการฉีดพ่นสารคุมวัชพืชก่อนงอกเพื่อป้องกันและลดจำนวนไม่ให้วัชพืชขึ้นหนาแน่นในช่วงที่
    ทำเปียกสลับแห้ง
  • เมื่อต้นกล้าข้าวที่ปักดำเริ่มฟื้นตัว ช่วง 7 – 10 วันหลังปักดำให้ทำการใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 และเริ่มวิธีการจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง
  • หลักการทำนาเปียกสลับแห้งจะเริ่มทำในช่วงข้าวอยู่ในระยะแตกกอ โดยจะเติมน้ำเข้าแปลงที่ระดับ
    5 ซม. เหนือผิวดินหรือเสมอปากท่อวัดระดับน้ำ และปล่อยให้น้ำแห้งตามธรรมชาติที่ระดับ 15 ซม. หรือเมื่อสังเกตุเห็นรูสุดท้ายของท่อวัดระดับน้ำ จากนั้นจะเติมน้ำเข้าแปลงนาและทำการปล่อยให้แห้งอีกครั้งสลับกันจนกระทั่งข้าวเข้าสู่ระยะตั้งท้อง ระยะเวลาการทำเปียกสลับแห้งจะอยู่ที่ 20-35 วัน ขึ้นอยู่กับพันธุ์ข้าว ลักษณะดิน และสภาพอากาศ
  • เมื่อข้าวเข้าสู่ระยะตั้งท้องจะทำการใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 และขังน้ำในแปลงนาที่ระดับ 5-10 ซม.
    ตามความสูงของต้นข้าว โดยระยะตั้งท้องและออกรวงเป็นช่วงที่ข้าวขาดน้ำไม่ได้และจำเป็นต้องใช้น้ำสำหรับการเจริญเติบโต
  • ก่อนเก็บเกี่ยว 10 – 15 วัน ให้ระบายน้ำออกจากแปลงนาให้แห้ง เพื่อเร่งให้ข้าวสุกแก่พร้อมกัน
ผลลัพธ์การทำนาเปียกสลับแห้ง

สาเหตุที่ชาวนาไม่นิยมทำนาเปียกสลับแห้ง

  • ชาวนาไทยยังขาดองค์วามรู้เกี่ยวกับวิธีการทำเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ทั้งนี้
    ทุกภาคส่วนจึงควรส่งเสริมหรือรณรงค์ ให้ข้อมูลเพื่อสร้างความตระหนักรู้และแรงจูงใจ
    ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการทำเกษตรแบบลดโลกร้อน
  • การทำนาเปียกสลับแห้งมีความท้าทายในด้านการจัดการวัชพืช ในสภาพที่ดินแห้งอาจทำให้วัชพืช
    ที่เติบโตได้ดีมากขึ้น เช่น วัชพืชใบแคบและใบกว้าง
  • การทำนาเปียกสลับแห้งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในเรื่องเตรียมพื้นที่ และอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมไปถึง
    ขั้นตอนการจัดการน้ำทำให้ชาวนาหลายคนไม่นิยมทำนาเปียกสลับแห้ง
  • การทำนาเปียกสลับแห้งต้องมีการจดบันทึกข้อมูลการจัดการน้ำและตรวจวัดน้ำโดยละเอียด
    เพื่อนำส่งให้กับบริษัทที่รับซื้อ Carbon Credit เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง

สรุปทั้งหมด เกี่ยวกับการทำนาเปียกสลับแห้ง

การทำนาเปียกสลับแห้ง ถือเป็นวิธีการที่สำคัญในการช่วยลดภาวะโลกร้อน หากเกษตรกรมีองค์ความรู้
และการจัดการที่ดีควบคู่ไปด้วย จะทำให้ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำ ลดต้นทุนการเพาะปลูก เพิ่มผลผลิตข้าว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งมีโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากคาร์บอนเครดิต
ทางสยามคูโบต้ามุ่งหวังที่จะผลักดันการทำเกษตรคาร์บอนต่ำ เพื่อลดโลกร้อนและปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อส่งมอบโลกสีเขียวให้กับลูกหลานอย่างยั่งยืน

เรียนรู้การทำนาเปียกสลับแห้งกับ KAS ก้าวสู่การทำนายุคใหม่พร้อม ๆ กัน

ศึกษาการทำนาเปียกสลับแห้งไปพร้อมกันกับ KUBOTA ก้าวเข้าสู่การทำนาแห่งยุคสมัยใหม่ ที่นอกจาก
จะทำให้ข้าวมีคุณภาพดี ปริมาณสูงแล้ว ยังช่วยลดภาวะโลกร้อน ลดก๊าซเรือนกระจก สำหรับเกษตรกร
ท่านใดที่ต้องการทราบข้อมูลความรู้ที่จำเป็นต่อการทำการเพาะปลูกและการทำเกษตรให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
อย่าลืมติดตามความรู้ด้านการเกษตรยุคใหม่ได้ทุกสัปดาห์ที่เว็บไซต์ KAS Kubota (Agri) Solutions
คลังความรู้เพื่อเกษตรกรไทยทุกคน

ดาวน์โหลด :

ที่มาของข้อมูล :

บทความที่เกี่ยวข้อง

ประโยชน์ของดินทรายมีอะไรบ้าง ดินทรายเหมาะกับการปลูกพืชอะไร คำถามที่เกษตรกรไทยหลาย ๆ ท่านอาจกำลังต้องการคำตอบ เพราะดินทรายนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่หากนำไปใช้ปลูกพืชอาจมีความยากลำบากพอสมควร แต่ถ้าเราค้นหาให้ลึกมากขึ้น จะพบว่าดินทรายก็มีประโยชน์อยู่ไม่น้อย ประโยชน์ของดินทรายและพืชที่ควรปลูกมีอะไรบ้าง KUBOTA (Agri) Solutions มาสรุปให้กับคุณแล้ว
ทำไมต้องเป็นถั่วลิสง? เพราะเป็นพืชที่ต้องการใช้น้ำปริมาณ 611 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ และมีอายุเก็บเกี่ยวที่ 85-110 วัน ซึ่งทำให้พี่น้องชาวอีสานสามารถเพาะปลูกได้ เนื่องจากไม่ต้องหาแหล่งน้ำมากในหน้าแล้ง และใช้เวลาในการเพาะปลูกไม่นาน เป็นการเพิ่มรายได้หลังสิ้นฤดูนาปี “ถั่วลิสง เป็นพืชที่นิยมปลูก