รู้ก่อน! วิธีฉีดพ่นสารกำจัดแมลงในไร่ข้าวโพดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ข้าวโพด หนึ่งในพืชเศรษฐกิจของไทยที่ใช้งานได้ในทุกส่วน นิยมนำมาแปรรูปเป็นอาหารทั้งของคนและสัตว์ ซึ่งในปัจจุบันการเพาะปลูกข้าวโพดมีความท้าทายมากขึ้น เนื่องจากศัตรูพืชอย่างแมลงที่เพิ่มขึ้นจากปรากฏการณ์ เอลนีโญ่ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว หากไม่สามารถป้องกันได้อย่างเหมาะสมหรือทันท่วงที อาจทำให้ต้องไถข้าวโพดทิ้งทั้งแปลงซึ่งสร้างความเสียหายมหาศาล ในบทความนี้ KAS จะมาแนะนำวิธีการฉีดพ่นสารกำจัดแมลงในไร่ข้าวโพดแบบครบถ้วน จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

เอลนีโญ่ส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชอย่างไร

เอลนีโญ่ คือ ปรากฏการณ์ที่ทำให้สภาพพื้นที่อุณหภูมิสูงขึ้นและสภาพแวดล้อมแห้งแล้งผิดปกติ ส่งผลให้แมลงปรับพฤติกรรมและออกหาแหล่งอาหารใหม่ และเข้าทำลายพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะไร่ข้าวโพดที่กลายเป็นเป้าหมายหลัก นอกจากนี้ความแห้งแล้งยังทำให้พืชอ่อนแอภูมิต้านทานต่อศัตรูพืชลดลง ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดของแมลงอย่างรวดเร็ว สร้างผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกอย่างมหาศาล

ป้องกันแมลงไว้ก่อน ดีกว่าแก้ไขภายหลัง

วิธีป้องกันหนอนแมลงในไร่ข้าวโพดมี 2 วิธีดังนี้

  1. ตรวจแปลงเพาะปลูกเป็นประจำ เพื่อสำรวจหากลุ่มไข่หรือแมลงตัวเต็มวัย หากพบไม่มากสามารถพ่นสารโดยใช้แรงงานคนหรือเทคโนโลยีทางการเกษตรกรอย่าง “โดรนการเกษตร” เข้ามาช่วยได้
  2. สารคลุกเมล็ด เคลือบสารกำจัดและป้องกันแมลงบนเมล็ด เมื่อนำไปปลูกต้นกล้าที่งอกขึ้นมาจะมีภูมิต้านทานต่อโรคและแมลง แต่วิธีการนี้จะมีข้อจำกัดคือใช้ทุนค่อนข้างสูงทั้งยังต้องคาดการณ์เกี่ยวกับโรคและแมลงที่ระบาดในพื้นนั้น ๆ อีกด้วย

โดยปกติเกษตรกรจะใช้วิธีตรวจแปลงเพาะปลูกมากกว่าการใช้สารคลุกเมล็ดเนื่องจากใช้ทุนต่ำและยุ่งยากน้อยกว่ารู้เขารู้เรา ปลูกข้าวโพดร้อยครั้ง ก็ได้กำไรร้อยครั้ง

สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช

พ่นสารให้ถูกวิธี ก็ป้องกันได้ถูกจุด ให้ไร่ข้าวโพดปลอดภัยไร้กังวล

เตรียมอุปกรณ์พ่นสาร

  1. ชุดป้องกัน
  2. ถุงมือป้องกัน
  3. รองเท้าหุ้มข้อ
  4. หน้ากากป้องกันสารพิษ
  5. แว่นครอบตานิรภัย
  6. ผ้ากันเปื้อน
  7. เครื่องพ่นยา/ โดรนการเกษตร
  8. สารที่ใช้ในการกำจัดแมลง

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการพ่นสารกำจัดแมลงในไร่ข้าวโพด

  1. พ่นช่วงเช้าหรือช่วงเย็นก่อนค่ำ
  2. ไม่พ่นขณะฝนตกหรือมีแนวโน้มฝนตก
  3. ควรพ่นเมื่ออุณหภูมิต่ำและความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า 70%
  4. ไม่พ่นเมื่อลมพัดแรงตลอดเวลา (ความเร็วลมไม่เกิน 3 – 5 เมตร/ วินาที)

ลำดับการผสมสารกำจัดแมลง

  1. เติมน้ำลงในถัง โดยน้ำที่นำมาผสมต้องมีฤทธิ์เป็นกลาง มีค่า pH 6.5 – 7 ไม่กรดหรือด่างมากเกินไปเนื่องจากจะทำให้ประสิทธิภาพของสารลดลง
  2. สารรูปแบบผง (WP)
  3. สารรูปแบบเม็ด (WG)
  4. สารรูปแบบครีม (SC)
  5. สารรูปแบบน้ำใส (SL)
  6. สารรูปแบบน้ำมัน (EC)
  7. สารจับใบ

ข้อควรระวัง: ปริมาณสารที่ใช้ต้องไม่มากหรือน้อยกว่าคำแนะนำและไม่ควรผสมสารกำจัดแมลงรวมกันถ้าไม่ทราบถึงความเข้ากันได้ โดยสามารถดูความเข้ากันได้จากรูปด้านล่าง

ลำดับการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช

การพ่นสารในพื้นที่การเพาะปลูกข้าวโพด

ปริมาณสารที่ใช้พ่นในไร่ข้าวโพดจะอยู่ที่ 60 – 80 ลิตร/ ไร่ โดยเกษตรกรสามารถพ่นสารได้ 2 วิธีคือ

  1. โดรนการเกษตร เริ่มโดยการสำรวจสิ่งกีดขวางในพื้นที่เพาะปลูก เพื่อกำหนดเส้นทางการบินให้สามารถพ่นละอองสารให้ครอบคลุมแปลงได้ทั้งหมด เพื่อลดการสูญเสียสารเคมีโดยไม่จำเป็น ทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพจากการสัมผัสสารเคมีโดยตรง
  2. เครื่องพ่นยา แรงงานจะเป็นผู้ควบคุมทิศทางในการฉีดพ่นสาร โดยแรงงานควรยืนเหนือลมและต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันให้มิดชิด เพื่อป้องกันการสัมผัสโดนสารพิษซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ข้อแนะนำ: เกษตรกรไม่ควรพ่นสารเดิมซ้ำ ๆ เนื่องจากมีโอกาสทำให้แมลงเกิดภูมิต้านทาน โดยควรใช้สลับกันไปในแต่ละกลุ่ม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ตามภาพตัวอย่างดังนี้

ตัวอย่างการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช

หลังการพ่นสารกำจัดแมลงในไร่ข้าวโพด

เกษตรกรควรรีบทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ชุดป้องกันสารเคมี เครื่องพ่น ถังบรรจุสาร ฯลฯ เพื่อป้องกันการสะสมของสารเคมี หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดร่างกายและเสื้อผ้าด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด เพื่อชะล้างสารพิษที่อาจติดมาระหว่างฉีดพ่น และไม่ควรทานอาหารหรือน้ำก่อนทำความสะอาดเสร็จสิ้น  เพื่อความปลอดภัยจากสารพิษที่อาจตกค้าง

อันตรายจากการใช้สารกำจัดแมลง

สารกำจัดแมลง ไม่เพียงแต่กำจัดแมลงศัตรูพืชเท่านั้น แต่ยังกำจัดแมลงที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอีกด้วย เช่น แมลงที่ผสมเกสรและแมลงที่ฟื้นฟูดิน รวมไปถึงทำให้ระบบนิเวศเกิดการปนเปื้อน ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ คุณภาพต่ำลง นอกจากนี้ยังอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ทั้งผู้ใช้งานและผู้บริโภค เช่น มะเร็ง อัมพาต เป็นหมัน หรือ หัวใจหยุดเต้นจนเสียชีวิต

สารกำจัดแมลงมีคุณมีโทษ โปรดใช้อย่างระมัดระวัง

ในปัจจุบันการใช้สารกำจัดแมลงยังมีคุณประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างมาก แต่โทษที่ตามมาก็มหาศาลไม่แพ้กัน หากใช้ไม่เหมาะสมอาจทำให้ในระยะยาวไม่สามารถเพาะปลูกพืชได้ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพและโรคภัยต่าง ๆ ที่อาจตามมาเกษตรกรจึงพึงระมัดระวังและมีสติในการใช้สารกำจัดแมลงเสมอ เพื่อตัวเอง ผู้บริโภค และสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน

เลือกใช้โดรนการเกษตร KUBOTA หลีกเลี่ยงอันตราย พร้อมใช้สารได้คุ้มค่าในทุกหยด

หากเกษตรกรท่านใดสนใจโดรนการเกษตรคุณภาพสูงจาก KUBOTA เรามีบริการทดลองบินได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย คลิกเลย มาพร้อมบริการฝึกอบรมการบินและขอใบรับรองการบิน เช็กโดรนการเกษตรรุ่นที่ต้องการ คลิกที่นี่ หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมผ่านช่องทางดังนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก: กรมวิชาการเกษตร

ดาวน์โหลด :

ที่มาของข้อมูล :

บทความที่เกี่ยวข้อง

"นาข้าว ยิ่งเขียว ยิ่งดี” หรือ “ใส่ปุ๋ยมาก ๆ ข้าวจะได้งอกงาม” จริงหรือ? ถ้าอยากรู้คลิกเลย
“แทรกเตอร์ คูโบต้า” เป็นแทรกเตอร์ที่ช่วยทุ่นแรงในการทำการเกษตรให้กับเกษตรกร แต่การใช้งานก็ต้องควบคู่ไปกับการดูแลซ่อมบำรุงรักษา ตรวจเช็กสภาพ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแทรกเตอร์คูโบต้าให้อยู่กับเราไปนาน ๆ เหมือนกับวันแรกที่ตัดสินใจลงทุนซื้อมา เทคนิคในการซ่อมบำรุงรักษาแทรกเตอร์คูโบต้าจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ไม่ว่าจะมีพื้นที่เกษตรกรรมมากหรือน้อย พื้นที่ปลูกข้าวจำนวน 10 ไร่ หรือเป็น 100 ไร่ พอถึงช่วงเวลาของการบำรุงรักษาที่ต้องฉีดพ่นสาร เกษตรกรย่อมไม่อยากสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง และถ้าหาแรงงานมาฉีดพ่นสารไม่ได้ จะมีแนวทางจัดการได้อย่างไรบ้าง