
ข้าวโพด หนึ่งในพืชเศรษฐกิจของไทยที่ใช้งานได้ในทุกส่วน นิยมนำมาแปรรูปเป็นอาหารทั้งของคนและสัตว์ ซึ่งในปัจจุบันการเพาะปลูกข้าวโพดมีความท้าทายมากขึ้น เนื่องจากศัตรูพืชอย่างแมลงที่เพิ่มขึ้นจากปรากฏการณ์ เอลนีโญ่ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว หากไม่สามารถป้องกันได้อย่างเหมาะสมหรือทันท่วงที อาจทำให้ต้องไถข้าวโพดทิ้งทั้งแปลงซึ่งสร้างความเสียหายมหาศาล ในบทความนี้ KAS จะมาแนะนำวิธีการฉีดพ่นสารกำจัดแมลงในไร่ข้าวโพดแบบครบถ้วน จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
เอลนีโญ่ส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชอย่างไร
เอลนีโญ่ คือ ปรากฏการณ์ที่ทำให้สภาพพื้นที่อุณหภูมิสูงขึ้นและสภาพแวดล้อมแห้งแล้งผิดปกติ ส่งผลให้แมลงปรับพฤติกรรมและออกหาแหล่งอาหารใหม่ และเข้าทำลายพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะไร่ข้าวโพดที่กลายเป็นเป้าหมายหลัก นอกจากนี้ความแห้งแล้งยังทำให้พืชอ่อนแอภูมิต้านทานต่อศัตรูพืชลดลง ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดของแมลงอย่างรวดเร็ว สร้างผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกอย่างมหาศาล
ป้องกันแมลงไว้ก่อน ดีกว่าแก้ไขภายหลัง
วิธีป้องกันหนอนแมลงในไร่ข้าวโพดมี 2 วิธีดังนี้
- ตรวจแปลงเพาะปลูกเป็นประจำ เพื่อสำรวจหากลุ่มไข่หรือแมลงตัวเต็มวัย หากพบไม่มากสามารถพ่นสารโดยใช้แรงงานคนหรือเทคโนโลยีทางการเกษตรกรอย่าง “โดรนการเกษตร” เข้ามาช่วยได้
- สารคลุกเมล็ด เคลือบสารกำจัดและป้องกันแมลงบนเมล็ด เมื่อนำไปปลูกต้นกล้าที่งอกขึ้นมาจะมีภูมิต้านทานต่อโรคและแมลง แต่วิธีการนี้จะมีข้อจำกัดคือใช้ทุนค่อนข้างสูงทั้งยังต้องคาดการณ์เกี่ยวกับโรคและแมลงที่ระบาดในพื้นนั้น ๆ อีกด้วย
โดยปกติเกษตรกรจะใช้วิธีตรวจแปลงเพาะปลูกมากกว่าการใช้สารคลุกเมล็ดเนื่องจากใช้ทุนต่ำและยุ่งยากน้อยกว่ารู้เขารู้เรา ปลูกข้าวโพดร้อยครั้ง ก็ได้กำไรร้อยครั้ง





พ่นสารให้ถูกวิธี ก็ป้องกันได้ถูกจุด ให้ไร่ข้าวโพดปลอดภัยไร้กังวล
เตรียมอุปกรณ์พ่นสาร
- ชุดป้องกัน
- ถุงมือป้องกัน
- รองเท้าหุ้มข้อ
- หน้ากากป้องกันสารพิษ
- แว่นครอบตานิรภัย
- ผ้ากันเปื้อน
- เครื่องพ่นยา/ โดรนการเกษตร
- สารที่ใช้ในการกำจัดแมลง
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการพ่นสารกำจัดแมลงในไร่ข้าวโพด
- พ่นช่วงเช้าหรือช่วงเย็นก่อนค่ำ
- ไม่พ่นขณะฝนตกหรือมีแนวโน้มฝนตก
- ควรพ่นเมื่ออุณหภูมิต่ำและความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า 70%
- ไม่พ่นเมื่อลมพัดแรงตลอดเวลา (ความเร็วลมไม่เกิน 3 – 5 เมตร/ วินาที)
ลำดับการผสมสารกำจัดแมลง
- เติมน้ำลงในถัง โดยน้ำที่นำมาผสมต้องมีฤทธิ์เป็นกลาง มีค่า pH 6.5 – 7 ไม่กรดหรือด่างมากเกินไปเนื่องจากจะทำให้ประสิทธิภาพของสารลดลง
- สารรูปแบบผง (WP)
- สารรูปแบบเม็ด (WG)
- สารรูปแบบครีม (SC)
- สารรูปแบบน้ำใส (SL)
- สารรูปแบบน้ำมัน (EC)
- สารจับใบ
ข้อควรระวัง: ปริมาณสารที่ใช้ต้องไม่มากหรือน้อยกว่าคำแนะนำและไม่ควรผสมสารกำจัดแมลงรวมกันถ้าไม่ทราบถึงความเข้ากันได้ โดยสามารถดูความเข้ากันได้จากรูปด้านล่าง

การพ่นสารในพื้นที่การเพาะปลูกข้าวโพด
ปริมาณสารที่ใช้พ่นในไร่ข้าวโพดจะอยู่ที่ 60 – 80 ลิตร/ ไร่ โดยเกษตรกรสามารถพ่นสารได้ 2 วิธีคือ
- โดรนการเกษตร เริ่มโดยการสำรวจสิ่งกีดขวางในพื้นที่เพาะปลูก เพื่อกำหนดเส้นทางการบินให้สามารถพ่นละอองสารให้ครอบคลุมแปลงได้ทั้งหมด เพื่อลดการสูญเสียสารเคมีโดยไม่จำเป็น ทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพจากการสัมผัสสารเคมีโดยตรง
- เครื่องพ่นยา แรงงานจะเป็นผู้ควบคุมทิศทางในการฉีดพ่นสาร โดยแรงงานควรยืนเหนือลมและต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันให้มิดชิด เพื่อป้องกันการสัมผัสโดนสารพิษซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ข้อแนะนำ: เกษตรกรไม่ควรพ่นสารเดิมซ้ำ ๆ เนื่องจากมีโอกาสทำให้แมลงเกิดภูมิต้านทาน โดยควรใช้สลับกันไปในแต่ละกลุ่ม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ตามภาพตัวอย่างดังนี้

หลังการพ่นสารกำจัดแมลงในไร่ข้าวโพด
เกษตรกรควรรีบทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ชุดป้องกันสารเคมี เครื่องพ่น ถังบรรจุสาร ฯลฯ เพื่อป้องกันการสะสมของสารเคมี หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดร่างกายและเสื้อผ้าด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด เพื่อชะล้างสารพิษที่อาจติดมาระหว่างฉีดพ่น และไม่ควรทานอาหารหรือน้ำก่อนทำความสะอาดเสร็จสิ้น เพื่อความปลอดภัยจากสารพิษที่อาจตกค้าง
อันตรายจากการใช้สารกำจัดแมลง
สารกำจัดแมลง ไม่เพียงแต่กำจัดแมลงศัตรูพืชเท่านั้น แต่ยังกำจัดแมลงที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอีกด้วย เช่น แมลงที่ผสมเกสรและแมลงที่ฟื้นฟูดิน รวมไปถึงทำให้ระบบนิเวศเกิดการปนเปื้อน ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ คุณภาพต่ำลง นอกจากนี้ยังอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ทั้งผู้ใช้งานและผู้บริโภค เช่น มะเร็ง อัมพาต เป็นหมัน หรือ หัวใจหยุดเต้นจนเสียชีวิต
สารกำจัดแมลงมีคุณมีโทษ โปรดใช้อย่างระมัดระวัง
ในปัจจุบันการใช้สารกำจัดแมลงยังมีคุณประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างมาก แต่โทษที่ตามมาก็มหาศาลไม่แพ้กัน หากใช้ไม่เหมาะสมอาจทำให้ในระยะยาวไม่สามารถเพาะปลูกพืชได้ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพและโรคภัยต่าง ๆ ที่อาจตามมาเกษตรกรจึงพึงระมัดระวังและมีสติในการใช้สารกำจัดแมลงเสมอ เพื่อตัวเอง ผู้บริโภค และสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน
เลือกใช้โดรนการเกษตร KUBOTA หลีกเลี่ยงอันตราย พร้อมใช้สารได้คุ้มค่าในทุกหยด
หากเกษตรกรท่านใดสนใจโดรนการเกษตรคุณภาพสูงจาก KUBOTA เรามีบริการทดลองบินได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย คลิกเลย มาพร้อมบริการฝึกอบรมการบินและขอใบรับรองการบิน เช็กโดรนการเกษตรรุ่นที่ต้องการ คลิกที่นี่ หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมผ่านช่องทางดังนี้
- KUBOTA CONNECT เบอร์ 02-029-1747
- ศึกษาข้อมูลโดรนการเกษตรผ่านเว็บไซต์ Siam Kubota
- ติดต่อผ่านร้านผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ คลิกที่นี่
- Facebook Page: Siam Kubota และ Kubota Drone Club – คูโบต้าโดรนคลับ
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อผ่าน LINE Official @siamkubota
ขอบคุณข้อมูลจาก: กรมวิชาการเกษตร