ทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อชีวิตที่ปลอดภัยด้วยสารสกัดจากสมุนไพรรอบตัว

ปัจจุบันนี้การทำการเกษตรปลูกพืชด้วยวิถีอินทรีย์กำลังมาแรง และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นกอบเป็นกำ เพราะราคาพืชผักผลไม้ที่ปลูกด้วยระบบอินทรีย์มีราคาสูงกว่าพืชที่ใช้สารเคมีเกือบเท่าตัว และยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่รักชีวิตตนเอง และครอบครัวด้วย เกษตรกรหลายท่านที่ยังคงใช้สารเคมีเพราะคิดว่าการทำเกษตรอินทรีย์นั้นทำยาก แต่เรามีวิธีการทำเกษตรอินทรีย์ที่ง่ายๆ ด้วยพืชพรรณที่หาได้จากรอบตัวเราเอง นอกจากปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ปลูกแล้ว ยังมีต้นทุนต่ำกว่าการใช้สารเคมีอีกด้วย โดยเป็นข้อมูลที่ปราชญ์ของเราได้ศึกษาและเผยแพร่ให้แก่ผู้สนใจเป็นวิทยาทาน ปราชญ์ของเราก็คือ อ.ธนาเดช ชัยยะสมุทร แห่งลำปาง

พืชชนิดใดที่สามารถนำมาสกัดเพื่อใช้ขับไล่แมลงศัตรูพืชได้บ้าง?

วิธีสังเกตว่าพืชชนิดใดสามารถนำมาสกัดเป็นสารไล่แมลงได้นั้น ให้สังเกตุว่าพืชต้นไหนที่ไม่เคยมีแมลงมากัดกินเลย แสดงว่าพืชชนิดนั้นมีสารที่แมลงไม่ชอบ ก็สามารถนำมาทดลองหมักแล้วนำไปฉีดพ่นพืชปลูกของเราดูว่าเมื่อฉีดพ่นไปแล้วมีแมลงมากัดกินหรือไม่ ถ้าไม่มีก็แสดงว่าใช้ได้

ถ้าวิธีที่กล่าวมายากเกินจะไปทดลองเราก็มีสูตรสำเร็จให้ท่านผู้อ่านนำไปลองทำและใช้กันได้ทันที โดยสูตรที่จะกล่าวถึงนี้มีคุณสมบัติครอบคลุมขับไล่หนอนและแมลงได้หลายชนิดเลยทีเดียว พืชสมุนไพรที่ใช้แต่ละชนิดที่จะนำมาสกัดสารมีสรรพคุณต่างกันดังนี้

1. ยาสูบ (ยาฉุน, ยาเส้น)

สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ สารนิโคตินที่พบในทุกส่วนของต้นพืช (ใบ ลำต้น ดอก เมล็ด ฯลฯ)

ส่วนที่นำมาใช้ คือ ใบแก่ หรือ ใบที่ตากแห้งแล้ว

ใช้ได้ผลกับ ด้วงหมัด แมลงปากดูด เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจั๊กจั่น เพลี้ยไฟ มวน ไรแดง หนอนกอข้าว หนอนคืบกะหล่ำปลี หนอนชอนใบ และหนอนทั่วไปอีกหลายชนิด

2. บอระเพ็ด

ตัวเจตมูลยาน เถาหัวด้วน (สระบุรี) หางหนู (สระบุรี, อุบลราชธานี) จุ่งจิง เครือเขาฮอ (ภาคเหนือ) เจตมูลหนาม (หนองคาย)

สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ N-trans-feruloyltyramine, N-cis-feruloyltyramine, Picroretin

ส่วนที่นำมาใช้ คือ เถา หรือลำต้นสด

ใช้ได้ผลกับ หนอนกอข้าว เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยจั๊กจั่นสีน้ำตาล

ดาวน์โหลด :

ที่มาของข้อมูล :

บทความที่เกี่ยวข้อง

วิธีการจัดการดินที่ใช้น้ำน้อย 1. การคลุมดิน (Mulching) เป็นการเก็บความชื้นในดินเพื่อให้พืชที่ปลูกสามารถนําน้ำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ชนิดวัสดุคลุมดิน (ควรเลือกวัสดุคลุมดินที่หาได้ง่าย และเหมาะสมกับชนิดพืชที่ปลูก) 1. วัสดุเศษพืช เช่น แกลบ ฟางข้าว ขี้เลื่อย กากอ้อย หญ้าแห้ง ฯลฯ 2. วัสดุสังเคราะห์
ควบคุมวัชพืช เพื่อป้องกัน ยับยั้ง หรือ ชะลอ การงอกของวัชพืชที่จะมีผลต่อต้นพืชก่อนที่จะถึงช่วงวิกฤติของการแข่งขัน การป้องกันโดยทำลายวัชพืชส่วนที่อยู่เหนือต้น คือ ใบ ต้น ดอก และส่วนที่อยู่ใต้ดิน เช่น ไหล เหง้า เมล็ด ให้หลุดจากดินตายไป ป้องกันการออกดอก เพื่อไม่ให้มีการแพร่พันธุ์ของวัชพืช ด้วยเทคนิค
การไถกลบตอซังเพื่อปรับปรุงดินและเพิ่มผลผลิตข้าว ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 65 ล้านไร่ ได้ผลผลิตข้าว 24 ล้านตัน มีฟางข้าวเฉลี่ยประมาณปีละ 25.45 ล้านตัน และมีปริมาณตอซังข้าวที่ตกค้างอยู่ในนาข้าว 16.9 ล้านตันต่อปี ดังนั้นจึงนับได้ว่ามีปริมาณฟางข้าว และตอซังข้าวมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับตอซัง