การบริหารจัดการไร่อ้อยแบบครบวงจร สำหรับเกษตรกรรายย่อยที่รวมกลุ่มกันใช้เครื่องจักรกลการเกษตร

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา สยามคูโบต้า ได้ร่วมจัดตัวอย่างแปลงสาธิตการบริหารจัดการไร่อ้อยแบบครบวงจร โดยใช้เครื่องจักรกลการเกษตร ในงานประชุมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลนานาชาติ ครั้งที่ 29  เพื่อโชว์ศักยภาพการใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับปลูกอ้อยรายย่อยแบบรวมกลุ่มให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น โดยได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก ทั้งนักวิชาการ ผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกรไทยและเกษตรกรจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ สยามคูโบต้า ได้นำขั้นตอนการบริหารการจัดการไร่อ้อยและเทคนิคการใช้เครื่องจักรกลการเกษตร มาใช้เป็นแนวทางในการสาธิตในครั้งนี้  ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับเกษตรกรไทยในยุคปัจจุบัน เพราะประหยัดแรงงานคนย่นระยะเวลาในการทำการเกษตร และยังได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ  ที่สำคัญ คือ ตอบโจทย์เกษตรกรรายย่อยที่ประสบปัญหาการลงทุนใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อยแบบครบวงครเพื่อปลูกอ้อย

ดังนั้น สยามคูโบต้า จึงวางแผนที่จะเพิ่มขีดความสามารถการปลูกอ้อยให้กับเกษตรกรรายย่อยที่ประสบปัญหาดังกล่าว เริ่มจากการออกแบบขนาดแปลงที่เหมาะสมกับเครื่องจักรกลการเกษตร การสาธิตการจัดการไร่อ้อยแบบครบวงจร สำหรับเกษตรกรรายย่อยที่รวมกลุ่มกันใช้เครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งเมื่อเกษตรกรรวมกลุ่มกันแล้วจะทำให้มีกำลังซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรที่มีขนาดแรงม้ามากขึ้น พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่ทำงานได้หลากหลาย และสามารถนำมาใช้งานร่วมกันในขั้นตอนต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมดิน ที่จะใช้แทรกเตอร์ขนาด 95 แรงม้า มาต่อพ่วงกับผานสับใบ เพื่อใช้ไถรื้อตออ้อย ช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องเผาใบอ้อยเหมือนอย่างเดิม และยังเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมในพื้นที่อีกด้วย

นอกจากนี้ สยามคูโบต้ายังใช้แทรกเตอร์ขนาด 95 แรงม้า ต่อพ่วงกับชุดไถระเบิดดินดาน สาธิตการระเบิด
ดินดาน เพื่อช่วยเพิ่มความชื้นใต้ดินในการปลูกอ้อยข้ามแล้งให้กับเกษตรกร อีกทั้งยังสาธิตการพรวนดิน ทำให้ดินมีความละเอียด ราบเรียบ และรักษาความชื้นในดินให้ได้มากที่สุด 

มาถึงขั้นตอนการเพาะปลูก ได้นำแทรกเตอร์ขนาด 95 แรงม้า ต่อพ่วงกับเครื่องปลูกอ้อย สาธิตการทำงานการปลูกอ้อยไปพร้อมๆ กับการใส่ปุ๋ย ซึ่งท่อนพันธุ์ที่ปลูกนั้น จะถูกกลบด้วยล้ออัดดิน ช่วยให้อ้อยงอกโตได้เร็วขึ้น ซึ่งเครื่องปลูกอ้อยนี้ สามารถปลูกอ้อยได้ประมาณ 8 ไร่/ วัน ซึ่งประหยัดแรงงานคนและลดระยะเวลาการปลูกได้เร็วขึ้น

ภายหลังจากการปลูกอ้อย สยามคูโบต้า ยังได้สาธิตการดูแลรักษาไร่อ้อย ด้วยการใช้แทรกเตอร์ขนาด 24 แรงม้า ซึ่งเป็นรุ่นที่เกษตรกรรายย่อยสามารถซื้อไว้ใช้ส่วนตัวได้ โดยนำมาสาธิตการกำจัดวัชพืชระหว่างแถวอ้อย ทดแทนการใช้สารควบคุมวัชพืช ตอบโจทย์การปลูกอ้อยแบบการลดสารเคมี พร้อมทั้งสาธิตการใช้เครื่องฝังปุ๋ย ทดแทนการหว่านปุ๋ย เพื่อลดการสูญเสียปุ๋ยจากความร้อนและการพัดพาของน้ำ ทำให้อ้อยได้รับปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ และเกษตรกรยังได้ผลผลิตที่สูงขึ้นอีกด้วย

การสาธิตของสยามคูโบต้าในงานนี้  เราพยายามตอกย้ำว่า เกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศก็สามารถใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรได้  และคุ้มค่ากับการลงทุน นอกจากนั้นยังช่วยประหยัดเวลา ลดปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานคน และลดการใช้สารเคมี ซึ่งสามารถตอบโจทย์การปลูกอ้อยเพื่อนำไปทำน้ำตาล  ออร์แกนิคในอนาคตอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ในปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมี ซึ่งทำให้เกิดต้นทุนในการผลิตสูง แต่ก็มีเกษตรกรหลายรายหันกลับมาผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองในนาข้าว โดยอาศัยหลักการพึ่งพากันของธรรมชาติ เกิดองค์ความรู้จากการสังเกตว่า พืชผักใบเขียวในส่วนยอดอ่อนๆ จะมีฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตอยู่ในปริมาณมาก เมื่อนำมาหมักให้เ
กลุ่มชุดดินที่ 35 การกำเนิด : เกิดจากการผุพังสลายตัวอยู่กับที่ และ เคลื่อนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของหินแกรนิตบริเวณลานตะพัก เชิงเขา เนินเขา หรือพื้นที่ที่เหลือค้างจากการกัดกร่อน สภาพพื้นที่ : ค่อนข้างราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนชัน มีความลาดชัน 2-12 % การระบายน้ำ : ดี การซึมผ่านได้ของน้ำ : เร็ว
ประเทศไทยพบโรคใบด่างมันสําปะหลังครั้งแรกในปี พ.ศ. 2561 โดยมีพื้นที่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลเสียหายอย่างมากต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมมันสําปะหลังของประเทศ เนื่องจากโรคใบด่างมันสําปะหลังส่งผลให้ผลผลิตมันสําปะหลังลดลง 20 – 80 เปอร์เซ็นต์ โดยการควบคุมโรคใบด่างมันสําปะหลังสามารถทําได้ ดังนี้