เกษตรกรไม่ต้องกังวลใจเรื่องปุ๋ยยูเรียแพงแล้วนะ เพราะเราสามารถใช้แหนแดงแทนปุ๋ยยูเรียได้

เกษตรกรไม่ต้องกังวลใจเรื่องปุ๋ยยูเรียแพงแล้วนะ เพราะเราสามารถใช้แหนแดงแทนปุ๋ยยูเรียได้

โดยข้อมูลจากกรมวิชาการการเกษตรระบุไว้ว่าหากปลูกแหนแดง 1 ไร่ จะได้แหนแดง 3 ตัน มีธาตุอาหารเทียบเท่าปุ๋ยยูเรีย 7-10 กิโลกรัม เลยทีเดียว แต่ก่อนจะใช้แหนแดงทดแทนปุ๋ย เรามารู้จักคุณสมบัติ และวิธีการใช้แหนแดงกันก่อนดีกว่าครับ

  แหนแดง เป็นปุ๋ยพืชสดที่ให้ธาตุอาหารสูงมาก ยิ่งกว่าพืชตระกูลถั่วที่รู้จักกันดี โดยมีสัดส่วนไนโตรเจนสูงถึง 5 %

ในขณะที่ปุ๋ยพืชสดที่ได้จากพืชตระกูลถั่วมีอยู่เพียง 2.5%

ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวทำให้สามารถใช้ปุ๋ยพืชสดจากแหนแดงแทนปุ๋ยยูเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  แหนแดง เป็นพืชตระกูลเฟิน เจริญเติบโตบนผิวน้ำ เลี้ยงได้ในบ่อตื้น มีร่มรำไร หากปล่อยลงบ่อในฤดูฝนจะใช้เวลาเติบโตเต็มบ่อ 5 ตารางเมตร ในระยะเวลาเพียง 10-15 วันเท่านั้น

  การเลี้ยงแหนแดง 1 ไร่จะได้ผลผลิตมากถึง 3,000 กิโลกรัม ซึ่งแหนแดงแห้ง 1 กิโลกรัมใช้ในพื้นที่ปลูกได้  2 ตารางเมตร และที่สำคัญธาตุอาหารที่ได้จากแหนแดงแห้ง 6 กิโลกรัม เทียบเท่ากับที่ได้จากปุ๋ยยูเรียประมาณ 10-12 กิโลกรัมเลยทีเดียว

  การใช้แหนแดงสดในนาข้าว ควรหว่าน 2 ช่วง ช่วงแรกคือก่อนตีเทือก เพื่อให้แหนแดงไปเพาะขยายในท้องนา ประมาณ 20 วัน แล้วไถกลบ เมื่อแหนแดงย่อยสลายก็จะเริ่มปลดปล่อยไนโตรเจนออกมา อีกช่วงคือหว่านในนาดำหลังจากดำนาแล้ว แหนแดงจะไปขยายพันธุ์เต็มท้องนา ใช้ประโยชน์จากแหนแดงให้บังแสงแดดไม่ให้วัชพืชขึ้นตามมาได้

  หากใช้แหนแดงแห้งในการปลูกผัก ให้ใช้ในอัตราส่วน 20 กรัมต่อวัสดุเพาะ 1 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังใช้แหนแดงเป็นอาหารสัตว์ ทั้ง ไก่ เป็ด ปลา ได้ด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่แหนแดงจะถูกขนานนามให้เป็นเสมือนโรงงานผลิตปุ๋ยไนโตรเจน ที่สามารถผลิตเองได้ในครัวเรือน ต้นทุนน้อย ได้ผลผลิตเร็วและดี นั่นเอง

  รู้จักคุณสมบัติ และวิธีใช้แหนแดงกันแบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมลองเอามาปรับใช้กับที่นาของตัวเองกันดูนะครับ จะได้ช่วยลดต้นทุนการทำเกษตรในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ครับ

ดาวน์โหลด :

ที่มาของข้อมูล :

บทความที่เกี่ยวข้อง

หอยเชอรี่ (golden apple snail) เป็นหอยทากน้ำจืดชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายหอยโข่งบ้านเรา แต่สีเปลือกอ่อนกว่า (ภาพที่ 1) มีแหล่งกำเนิดอยู่ทางแถบอเมริกาใต้ นำเข้ามาในไทยเพื่อเลี้ยงขายเป็นอาหารและเลี้ยงประดับในตู้ปลา ต่อมาหลุดรอดลงแหล่งน้ำ และถูกปล่อยเมื่อไม่ต้องการ จนกลายเป็นสัตว์ศัตรูข้าวที่สำคัญในประเทศไทย
การระบาดของแมลงศัตรูอ้อยในช่วงเดือนต่างๆ ได้แก่ หนอนกอลายจุดเล็ก หนอนกอลายจุดใหญ่ หนอนกอลายใหญ่ หนอนกอลายแถบแดง หนอนกอสีชมพู หนอนกอสีขาว แมลงหวี่ขาวอ้อย เพลี้ยกระโดดอ้อย เพลี้ยจักจั่นสีน้ำตาล เพลี้ยจักจั่นงวง เพลี้ยกระโดดดำ เพลี้ยหอยอ้อย เพลี้ยอ่อนสำลี เพลี้ยแป้งสีชมพู มวนอ้อย ไรแมงมุมอ้อย ด้วงหนวดยาวอ้อย แมลงนูนหลวง ปลวกอ้อย แมลงค่อมทอง ด้วงขี้ควาย ด้วงดำ ด้วงงวงอ้อย ตั๊กแตนไฮโรไกรฟัส ตั๊กแตนโลกัสต้า ตั๊กแตนปาทังก้า และหนอนบุ้ง
เชื้อสาเหตุ : Erwinia carotovora แบคทีเรีย อาการ : ในระยะแรกอ้อยจะแห้งตายเป็นบางหน่อ ระยะหลังลำอ้อยบริเวณคอเน่าจนคอหักพับ มีกลิ่นเหม็นเน่า เนื้อในอ้อยยุบเป็นโพรงเห็นเนื้อเป็นเส้น วิธีการแพร่ระบาด : ติดไปกับท่อนพันธุ์ ลมและฝนพัดพาเชื้อจากต้นที่เป็นโรคไปติดต้นข้างเคียง วิธีการป้องกันรักษา : พบกอเป็น