ปลูกมันสำปะหลังเจอเพลี้ย เชื้อราบิวเวอเรียช่วยได้

เตรียมส่วนผสม

ขั้นตอนที่ 1: ราบิวเวอเรีย 1 ก้อน ผสมกับกับน้ำ 2 ลิตร และน้ำยาล้างจาน 2 ช้อนชา (10 มิลลิลิตร)

ขั้นตอนที่ 2 : ขยี้ให้สปอร์หลุดจากเมล็ดข้าว แล้วกรองผ่านผ้าขาวบาง เทใส่ลงในส่วนผสมในขั้นตอนที่ 1 จะได้สารละลายสีขาวขุ่น

ขั้นตอนที่ 3 : เติมน้ำใส่ลงในส่วนผสมให้ครบ 20 ลิตร

ขั้นตอนที่ 4 : ใส่สารจับใบหรือน้ำมะพร้าว 4 ช้อนชา (20 มิลลิลิตร) แล้วคนให้เข้ากันแล้วนำไปฉีดพ่นบริเวณที่มีเพลี้ยระบาด

การควบคุมการระบาดควรตรวจแปลงปลูกมันสำปะหลังเดือนละ 1 ครั้ง ถ้าหากเกษตรกรพบเพลี้ยแป้งน้อยกว่า 10 ตัวต่อใบ พ่นบิวเวอเรีย 3 ครั้ง ทุก 5 วัน หากพบเพลี้ยแป้งมากกว่า 10 ตัวต่อใบ ฉีดพ่นสารเคมีไทอะมีโทแซม 4 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร

วิธีการใช้ที่ถูกต้อง

1. ให้น้ำแปลงมันสำปะหลัง ก่อนฉีดพ่น 1 ชั่วโมง

2. ฉีดพ่นช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น

3. ฉีด 3 ครั้ง ทุก 5 วัน

4. ฉีดพ่นที่ยอดหรือใต้ใบ

การป้องกันการระบาด

ราบิวเวอเรียสามารถกำจัดเพลี้ยได้ 5 ชนิด ได้แก่ เพลี้ยแป้งลาย เพลี้ยแป้งสีเทา เพลี้ยแป้งสีเขียว เพลี้ยแป้งสีชมพู และเพลี้ยแป้งมะละกอ สามารถกำจัดได้ภายใน 7 วัน ไม่เป็นอันตรายต่อคน สัตว์ และแมลงศัตรูธรรมชาติ  ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นการผลิต ผลผลิตเพิ่มขึ้น ปลอดภัย และไม่มีสารตกค้างในมันสำปะหลัง

บทความที่เกี่ยวข้อง

ประเทศไทยมีพื้นที่ผลิตถั่วเขียวประมาณ 829,145 ไร่ มีความต้องการเมล็ดพันธุ์ 4,146 ตัน แต่รัฐผลิตได้ 617 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของความต้องการเมล็ดพันธุ์ทั้งประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 เกิดปัญหาฝนแล้งทำให้เกษตรกรไม่สามารถทำนาปรังได้ ประกอบกับนโยบายแทรกแซงราคาข้าวสิ้นสุดลง เกษตรกรจึงหันมาปลูกถั่วเขียวแทน
หลักพิจารณาสภาพพื้นที่ในการสร้างแปลงเพาะกล้ายาง 1. พื้นที่สำหรับสร้างแปลงกล้า – ควรเป็นที่ราบ สามารถระบายน้ำได้ดี อยู่ใกล้แหล่งน้ำ การคมนาคมสะดวก ดินร่วน ดินที่ไม่เหมาะสมคือ ดินทรายจัด และดินเหนียว เพราะการระบายน้ำไม่ดี 2. การเตรียมดิน – ไถพลิกดิน
ภาวะภัยแล้ง ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเนื่องจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ซึ่งปลูกในสภาพพื้นที่โล่งและขาดสิ่งปกคลุมหน้าดิน ทำให้น้ำส่วนใหญ่ระเหยออกจากผิวดิน เมื่อน้ำในดินลดลงมากและฝนขาดช่วง จึงเกิดสภาพดินแห้ง ต้นมันสำปะหลังขาดน้ำ