ปลูกพริกไทย ให้ผลดก สร้างรายได้งาม

พริกไทย (Pepper) หรือที่ชาวจีนเรียกว่า เหง็กเจีย หรือผู่เจีย จัดได้ว่าเป็นเครื่องเทศสำคัญชนิดหนึ่งของโลกที่มีใช้กันมาแต่โบราณจนได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งเครื่องเทศ ซึ่งที่มีกลิ่นหอมและให้รสเผ็ดร้อน โดยมีทั้งพริกไทยขาวและพริกไทยดำ ซึ่งในพริกไทยขาวจะมีการผลิตโดยใช้สารฟอกขาวซึ่งอาจก่อให้เกิดสารตกค้างเป็นอันตรายได้ และมีการนำมาเป็นส่วนผสมสำคัญของยาอายุวัฒนะด้วย แต่ในพริกไทยดำจะมีสรรพคุณทางยาคุณค่าสารอาหาร และปลอดภัยมากกว่าในพริกไทยขาว จึงเป็นที่นิยมนำมาบริโภคกันมากกว่านั่นเอง

1. การเตรียมการก่อนปลูก

1.1 การเตรียมดินปลูกพริกไทย

แปลงปลูกจะต้องเป็นพื้นที่ที่มีการระบายน้ำได้ดี ไม่ชื้นแฉะ ปรับพื้นที่ไม่ให้มีสภาพน้ำขัง ไถพรวนดินลึก 40-60 เซนติเมตร ตากดิน 15 วัน ทำแปลงปลูกให้มีสภาพเป็นลอนลูกฟูก เพื่อให้มีการระบายน้ำดี หากดินเป็นกรด ควรปรับด้วยปูนขาวหรือปูนโดโลไมด์ เพื่อให้ความเป็นกรดน้อยลง โดยค่า pH ของดินควรเป็น 5.5 ปรับปรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ โดยการใส่ปุ๋ยคอกเพื่อให้ดินสามารถดูดซับธาตุอาหารได้ดี และรากพืชสามารถนำอาหารไปใช้ได้ง่าย 

1.2 การเตรียมพันธุ์

1) พันธุ์ที่ใช้พันธุ์ซาราวัค เหมาะสมสำหรับพริกไทยแก่พันธุ์ซีลอน เหมาะสมสำหรับพริกไทยอ่อน

2) ใช้ลำต้น (เถา) ของส่วนยอดหรือส่วนอื่นที่ไม่แก่จัดของพริกไทย ที่มีอายุอยู่ระหว่าง 1 – 2 ปี โดยควรตัดจากต้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ ให้ผลผลิตสูง นำยอดไปปักชำ จนรากออกแข็งแรงดีจึงย้ายไปปลูก

2. การปลูกพริกไทย

2.1 วิธีการปลูก ใช้ค้างไม้แก่นหรือค้างปูนซีเมนต์ ฝึกลึก 50-60 เซนติเมตร กลบดินให้แน่น หลังจากนั้น ขุดหลุมจาก 40×60 เซนติเมตร ลึก 40 เซนติเมตร ค้างละ 1 หลุม ห่างจากโคนค้าง 15 เซนติเมตร ผสมดินกับปุ๋ยอินทรีย์ อัตรา 1:1 แล้วใส่ในหลุมประมาณครึ่งหลุม นำกิ่งพันธุ์ที่เตรียมไว้ให้ปลูกหลุมละ 2 กิ่ง   ให้ปลายยอดเอนเข้าหาค้าง หันค้างที่มีราก (ตีนตุ๊กแก) ออกด้านนอกค้าง กลบดินให้แน่นรดน้ำให้ชุ่ม

2.2 ระยะปลูกพริกไทย

พันธุ์ซาราวัค ใช้ระยะ 2 x 2 เมตร, พันธุ์ซีลอน ใช้ระยะปลูก 2.25 x 2.25 หรือ 2.25 x 2.5 เมตร

3. การดูแลรักษา

3.1 การให้น้ำ 

เลือกระบบน้ำตามสภาพแวดล้อมที่ให้พริกไทยได้รับน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอทั่วทั้งแปลง ระยะเวลาการให้น้ำ หลังปลูกควรรดน้ำทุกวันหรือวันเว้นวัน เมื่อพริกไทยตั้งตัวได้ ลดเหลือ 2-3 วัน/ครั้ง พริกไทยที่ให้ผลผลิตแล้วควรให้ 3-4 วัน/ครั้ง 

3.2 การใส่ปุ๋ย

ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อัตรา 2-5 กิโลกรัม/ค้าง และเพิ่มแร่ธาตุจำเป็นต้องใช้ควบคู่กับปุ๋ยเคมี

– ครั้งที่ 1 สูตร 15-15-15 อัตรา 400-500 กรัม/ค้าง ใส่หลังเก็บเกี่ยว

– ครั้งที่ 2 สูตร 8-24-24 อัตรา 400-500 กรัม/ค้าง เพื่อเร่งการออกดอกดและติดผล

– ครั้งที่ 3 สูตร 12-12-17+2Mg อัตรา 400-500 กรัม/ค้าง เพื่อบำรุงผล

3.3 การขึ้นค้าง

หลังจากปลูกพริกไทยได้ประมาณ 30-50 วัน พริกไทยจะเริ่มแตกยอดอ่อน ให้เลือกยอดอ่อนที่สมบูรณ์ไว้ต้นละ 3 ยอด จัดยอดให้เรียงขนานขึ้นรอบค้าง อย่าให้รอบทับกันเพราะจะทำให้ได้ทรงพุ่มที่ไม่ดี  ใช้เชือกผูกยอดให้แนบติดกับค้าง ผูกข้อเว้นข้อ ผูกยอดจนกระทั่งยอดท่วมค้าง

4. การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช

โรครากเน่าและโคนเน่าของพริกไทย ลดความเสียหายจากโรคโดยการจัดการดินในแปลงให้มีการระบายน้ำได้ดี ตัดแต่งกิ่งหรือแขนงตามบริเวณโคนต้นออกให้โปร่ง

เพลี้ยแป้ง ใช้น้ำมันธรรมชาติ เช่น petroleum spray oil ถ้ามีการระบาดใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้งบนช่อรวงพริกไทย เช่น carbaryl (Sevin 85% WP) อัตรา 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

5. การเก็บเกี่ยวพริกไทย

     พริกไทยอายุ 18 เดือน จะเริ่มมีช่อดอกบ้าง ให้ปลิดช่อดอกทิ้งให้หมด เพื่อให้เจริญเติบโตทางต้นเต็มที่ เมื่อพริกไทยอายุ 3 ปี จึงปล่อยให้มีช่อดอกและเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

พริกไทยอ่อน : บริโภคสด เก็บเกี่ยวหลังติดผล 3-4 เดือน

พริกไทยดำ : เก็บเกี่ยวผลแก่ที่ยังเขียวอยู่เมื่อผลสีเขียว แก่จัดแต่ไม่สุก ระยะเวลา หลังติดผล 6-8 เดือน

พริกไทยขาว:  ต้องเก็บเกี่ยวพริกไทยที่แก่จัด และผลเริ่มสุกเป็นสีแดงที่โคนช่อ ประมาณ 3-4 ผล ระยะเวลาหลังติดผล 6-8 เดือน

การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวพริกไทย

     พริกไทยอ่อน เก็บเกี่ยวโดยใส่ภาชนะที่สะอาดจากแปลง จากนั้นคัดแยกโรค แมลง หรือ สิ่งเจือปน เมื่อทำความสะอาดแล้ว บรรจุด้วยถุงพลาสติกและคลุมด้วยผ้าสะอาดเปียกชื้นเพื่อรักษาความชื้น 

     พริกไทยดำ นำพริกไทยบ่มไว้ประมาณ 3 วัน แยกผลพริกไทยออกจากก้าน นำไปอบแห้ง เมื่อผลพริกไทยแห้งสนิท จะเปลี่ยนเป็นสีดำ แล้วนำไปร่อนด้วยตะแกรงเพื่อแยกเอาเศษฝุ่น และเมล็ดที่ลีบออก

     พริกไทยขาว นำผลพริกไทยที่เก็บมาแล้วตากแดดเล็กน้อย หรือผึ่งลมค้างคืน เพื่อให้ขั้วผลหลุดง่ายขึ้น แยกผลออกจากรวง นำผลพริกไทยแช่น้ำนานประมาณ 7-14 วัน แล้วนำมานวดเพื่อลอกเปลือกออก หลังล้างทำความสะอาดแล้ว นำไปทำให้แห้งสนิทโดยการอบแห้ง หรือการตากแดด

บทความที่เกี่ยวข้อง

แช่ท่อนพันธุ์ ปลูกมันฯ รวยแน่ ค่าสารเคมีไร่ละ 20 บาท เท่านั้น
เป็นกระแสรุนแรง สำหรับค่าฝุ่นละอองของประเทศไทยในช่วงนี้ เราได้ยินคำว่า PM 2.5กันทุกวัน ทำให้คนไทยมีความตระหนักถึงอันตรายของฝุ่นละออง PM 2.5กันมากขึ้น ความหมายของ PM คือ Particulate Matter ฝุ่นละอองที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เทียบง่ายๆ คือมลพิษฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า