ยกระดับการปลูกถั่วเหลืองให้เหนือกว่าเคย ด้วยเครื่องจักรกลการเกษตร

ถั่วเหลือง เป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการแปรรูปในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้เป็นที่ต้องการสูง ซึ่งในปัจจุบันการเพาะปลูกถั่วเหลืองในประเทศไทยไม่เพียงพอต่อความต้องการทั้งในแง่ของคุณภาพและปริมาณ ทำให้มีการนำเข้าถั่วเหลืองจากต่างประเทศมากสูงถึง 99% ดังนั้นการนำเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาใช้ผนวกกับวิธีการเพาะปลูกที่เหมาะสมจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกถั่วเหลืองในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สยามคูโบต้า ได้พัฒนากระบวนการเพาะปลูกถั่วเหลืองในแบบฉบับ KAS ที่สามารถประยุกต์ใช้เครื่องจักรในทุกกระบวนการเพาะปลูกถั่วเหลืองอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีกรรมวิธีการเพาะปลูกอย่างไร KAS จะมาบอกให้

รู้ก่อนปลูก! ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับถั่วเหลืองที่เกษตรกรต้องทราบ

ถั่วเหลือง เป็นพืชที่มีอายุสั้น สามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วง 65 – 95 วันหลังปลูก ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งาน เกษตรกรจึงมักปลูกหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปี เพื่อสร้างรายได้เสริมและปรับปรุงคุณภาพดิน

ถั่วเหลืองมีกี่สายพันธุ์

ถั่วเหลืองในประเทศไทยมีการปรับปรุงสายพันธุ์มาอย่างยาวนาน ทำให้มีความหลากหลาย เกษตรกรสามารถเลือกปลูกได้ตามความเหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้แบ่งถั่วเหลืองออกเป็น 2 กลุ่มตามการใช้งานดังนี้

1.     ถั่วเหลืองเมล็ด (สำหรับแปรรูป)

  • เชียงใหม่ 2
ขอบคุณภาพจาก: ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่
  • เชียงใหม่ 6
ขอบคุณภาพจาก: ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่
  • เชียงใหม่ 60 (เป็นที่นิยม)
ขอบคุณภาพจาก: ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่
  • สจ.5
ขอบคุณภาพจาก: ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่
  • นครสวรรค์ 1
ขอบคุณภาพจาก: ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่
  • สุโขทัย 2
ขอบคุณภาพจาก: ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่
  • สุโขทัย 3
ขอบคุณภาพจาก: ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่

2.  ถั่วเหลืองฝักสด (สำหรับบริโภคสด)

  • เชียงใหม่ 1
  • เชียงใหม่ 84 – 2 (เป็นที่นิยม)

การปลูกถั่วเหลือง ปัจจุบันนิยมทำ 2 วิธี

1.     การปลูกถั่วเหลืองแบบดั้งเดิม

วิธีการเพาะปลูกถั่วเหลืองแบบดั้งเดิม เป็นการปลูกหลังนาโดยในแต่ละขั้นตอนจะใช้แรงงานคนเป็นหลัก ซึ่งวิธีนี้จะไม่มีการเตรียมดิน แต่จะเป็นการปล่อยน้ำเข้าแปลงเพื่อหมักตอซัง หลังจากนั้นจึงปล่อยน้ำออกและตามด้วยการหว่านเมล็ดถั่วเหลือง

2.     การปลูกถั่วเหลืองแบบใช้เครื่องจักรกลการเกษตร

วิธีการปลูกถั่วเหลืองแบบใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อทดแทนแรงงานคน ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดินการลงปลูก ดูแลรักษา ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ต้องคำนึงถึงลักษณะพื้นที่ หากพื้นที่มีความลาดชันเกินไปหรือเข้าถึงยาก เช่น เป็นที่ลาดเชิงเขา แปลงขนาดเล็กเกินไป หรือรูปทรงของแปลงที่แคบหรือคดโค้งมาก การนำเครื่องจักรกลการเกษตรไปใช้อาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้งาน รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียผลผลิต และอาจได้ผลผลิตที่มีคุณภาพไม่ได้ตามต้องการ

รู้จักเครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับการปลูกถั่วเหลือง

  • แทรกเตอร์

วิธีการปลูกถั่วเหลืองด้วยเครื่องจักรกลการเกษตร ยกระดับการเพาะปลูกให้เหนือกว่า

1.    ระยะเวลาที่เหมาะสมในการปลูกถั่วเหลือง

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถั่วเหลืองหลังนา คือ ระหว่างวันที่ 1 – 31 ธันวาคม โดยต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาเก็บเกี่ยวข้าว สภาพอากาศ และ ปริมาณน้ำชลประทาน ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ควรปลูกเกินวันที่ 15 มกราคม เนื่องจากอาจเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เช่น

  • โรคและแมลง ที่อาจบุกรุกในระหว่างการเจริญเติบโตที่มากขึ้น
  • อากาศที่ร้อนเกินไป ในช่วงออกดอกและติดฝัก ทำให้ดอกร่วงและติดฝักได้ยาก
  • ฝนในช่วงเก็บเกี่ยว ซึ่งอาจทำให้เมล็ดบวม ย่น หรือเน่าเสีย ส่งผลให้คุณภาพผลผลิตต่ำ

2.    เตรียมดินปลูกถั่วเหลือง

เกษตรกรที่ปลูกถั่วเหลืองหลังนาโดยใช้เครื่องจักร ในช่วงก่อนเตรียมดินจะมีขั้นตอนดังนี้

  1. ตัดตอซังข้าว ด้วยอุปกรณ์ต่อพ่วงแทรกเตอร์เครื่องตัดหญ้าคูโบต้า หรือบางพื้นที่จะมีการอัดฟางก่อนทำการเตรียมดินด้วยเครื่องอัดฟาง
  2. ไถดิน ลึก 15 – 20 ซม. ด้วยผานพรวน หรือ โรตารี่
  3. ตากดินทิ้งไว้ 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อยับยั้งการกระตุ้นของเมล็ดวัชพืช กำจัดเชื้อโรคและแมลงศัตรูพืชบางชนิด (ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นหากมีการไถพลิกดินระหว่างตากด้วย)
  4. ปล่อยให้น้ำท่วมแปลงครึ่งวัน เพื่อเพิ่มความชื้นให้กับดิน และให้ตอซังย่อยสลายได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุ ธาตุอาหาร และทำให้ดินมีความโปร่งมากขึ้น
  5. ไถพรวนอีกครั้ง ก่อนลงมือปลูก

ข้อควรระวัง: หากเป็นพื้นที่น้ำขังควรชักร่องน้ำเพื่อเพิ่มการระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. เตรียมเมล็ดพันธุ์

เกษตรกรควรเตรียมเมล็ดพันธุ์ให้เพียงพอต่อวิธีการปลูก โดยปริมาณเมล็ดที่เหมาะสมสำหรับการใช้ร่วมกับรถแทรกเตอร์ต่อพ่วงเครื่องหยอดเมล็ด จะอยู่ที่ 12 – 15 กก./ ไร่ และเพื่อเป็นการประหยัดเมล็ดพันธุ์และลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ควรทำการทดสอบความงอกของเมล็ดก่อนปลูก ดังนี้

  1. นำเมล็ดถั่วเหลือง 100 เมล็ดมาปลูกในกระบะดิน
  2. ตรวจนับเมล็ดที่งอกหลังจาก 5 – 7 วัน
  3. เมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม ควรมีอัตราการงอก ไม่ต่ำกว่า 70 ต้นจาก 100 เมล็ด (70%)

ขั้นตอนการเพาะปลูก

การปลูกถั่วเหลืองควรโรยเป็นแถวโดยใช้แทรกเตอร์ติดตั้งอุปกรณ์เครื่องหยอดเมล็ดโดยหยอดหลุมละ 3 – 4 เมล็ด ที่ความลึก 2 – 3 ซม. โดยกำหนดระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30 ซม. และให้มีจำนวนต้นประมาณ 20 ต้นต่อระยะแถวหยอดยาว 1 เมตร เพื่อให้เหมาะสมต่อการเก็บเกี่ยวด้วยเครื่องเก็บเกี่ยวถั่วเหลือง

หลังปลูกควรพ่นด้วยสารป้องกันและกำจัดวัชพืช เช่น ฟลูอะซิฟอป – พี – บิวทิล (Fluazifop-P-butyl), ควิซาโลฟอป – พี – เทฟูริล (Quizalofop-P-tefuryl), โฟมีซาเฟน (Fomesafen) เป็นต้น

เทคนิคเพิ่มคุณภาพและปริมาณจาก KAS: โดยเมล็ดพันธุ์ที่ใช้หยอดควรผ่านการคลุกไรโซเบียม (Rhizobium) ในอัตรา 200 กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ 12 กก. เพื่อเพิ่มปริมาณไนโตรเจนในลำต้น กระตุ้นให้ต้นถั่วเจริญเติบโตได้ดี และเมล็ดถั่วจะมีโปรตีนที่สูงขึ้น ทั้งยังต้องคลุกกับเมทาแลกซิล (Metalaxyl) เพื่อป้องกันเชื้อราในอัตรา 7 กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กก.

การบำรุงรักษา

การบำรุงรักษาแปลงถั่วเหลืองจะใช้โดรนการเกษตรเป็นหลัก โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • การให้น้ำ ควรสังเกตความชื้นในแปลงก่อนเริ่มปลูก หากดินค่อนข้างแห้ง ให้ทำการปล่อยน้ำเข้าและทิ้งไว้ประมาณครึ่งวัน ก่อนระบายน้ำออกจากแปลง ควรทำการเพิ่มความชื้นอย่างน้อย 1 วันก่อนการลงปลูก ห้ามมีน้ำขังเด็ดขาด เมื่อลงปลูกเสร็จแล้วควรให้น้ำต่อเนื่องจนถั่วเหลืองอายุ 7 – 10 วัน หลังจากนั้นให้น้ำตามความชื้นในดิน อย่าปล่อยให้ถั่วเหลืองขาดน้ำโดยเฉพาะในช่วงออกดอกติดฝัก เพราะจะทำให้ผลผลิตลดลง
  • การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยที่ปรับสูตรปริมาณธาตุอาหารตามค่าวิเคราะห์ดินและใช้โดรนพ่นปุ๋ยให้ทั่วแปลง เพื่อลดการใช้ปุ๋ยที่เกินจำเป็น ลดต้นทุน และลดการสัมผัสสารเคมี หากไม่สามารถหาปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินได้ สามารถใช้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 หรือ ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15/ 16-16-16 อัตรา 25 กก./ไร่แทนได้
  • การป้องกันศัตรูพืช ในแต่ละพื้นที่ก็จะมีศัตรูพืชที่แตกต่างกัน จึงควรตรวจแปลงเป็นประจำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและแมลงที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยหากพบปัญหาควรใช้โดรนฉีดพ่น 3 – 8 ครั้ง/ รอบการปลูก

ตัวอย่างการป้องกันวัชพืช

  • วัชพืชใบแคบ: พ่นฟลูเอซิฟอบ-พี-บิวทิล (15% EC) 40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ควิซาโลฟอบ-พี-เทฟิวริล (6% EC) 50 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร หลังงอก (15 – 20 วัน)
    • วัชพืชใบกว้าง: พ่นโฟมีซาเฟน (25% EC) 40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร หลังงอก (15 – 20 วัน)

หมายเหตุ: ห้ามใส่เกินอัตราที่กำหนดเพราะอาจเป็นอันตรายต่อต้นถั่วเหลือง

การเก็บเกี่ยว

เก็บเกี่ยวถั่วเหลืองโดยใช้รถเกี่ยวนวดข้าวคูโบต้า ติดตั้งอุปกรณ์เก็บเกี่ยวถั่วเหลืองและถั่วเขียว (Bean kit) โดยถั่วเหลืองในแต่ละสายพันธุ์จะมีช่วงอายุการเก็บเกี่ยวที่ต่างกัน แต่จะมีการกำหนดช่วงอายุเก็บเกี่ยวไว้ ที่ประมาณ 65 – 95 วันหลังการปลูก รวมไปถึงอุณหภูมิของอากาศและความชื้นภายในดิน ก็ส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวอย่างมากเช่นกัน เบื้องต้นเกษตรกรสามารถประมาณการณ์ความสุก – แก่ของถั่วเหลืองได้โดยการทดลองสุ่มแกะฝักเมล็ดถั่วเหลืองในแปลงที่เริ่มมีสีน้ำตาล ออกแรงบีบที่เมล็ด หรือลองจิกที่ผิวเมล็ด หากเนื้อและผิวเมล็ดแข็งไม่แตก และหากภาพรวมต้นถั่วเหลืองเริ่มใบเหี่ยวและเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลประมาณ 70 – 80% ของแปลงทั้งหมด ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ทันที

แนวโน้มการปลูกถั่วเหลืองในประเทศไทยในอนาคต

ถั่วเหลือง ยังคงเป็นพืชที่มีราคารับซื้อพื้นฐานยังไม่สูงเท่าพืชไร่หลักอื่นๆมากนักการปลูกถั่วเหลืองในรูปแบบพืชหลักจึงไม่ได้รับการส่งเสริมมากนัก พื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองในประเทศไทยจึงมีแนวโน้มที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ปริมาณการผลิตถั่วเหลืองในประเทศไทยจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นปัญหานี้จึงเข้ามาสนับสนุนการปลูกถั่วเหลือง เช่น ส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อทดแทนแรงงานคน การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการจัดหาตลาดล่วงหน้า ส่งผลให้ราคาถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้นจาก 15 – 18 บาท/ กิโลกรัม เป็น 25 – 35 บาท/ กิโลกรัม ช่วยกระตุ้นให้เกษตรกรปลูกถั่วเหลืองมากขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีถัดไป

KAS พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลือง

หากเกษตรกรท่านใดสนใจเรื่องการปลูกถั่วเหลือง KAS พร้อมส่งต่อ ช่วยเหลือ พัฒนาองค์ความรู้การปลูกถั่วเหลือง และแนะนำการเครื่องจักรกลการเกษตรที่เหมาะสมผ่าน KUBOTA Farm ลงทะเบียนเยี่ยมชมได้ฟรีที่นี่ คลิกเลย หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมผ่านช่องทางดังนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก: สำนักงานเลขานุการ

ดาวน์โหลด :

ที่มาของข้อมูล :

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก และกำจัดศัตรูพืช
สยามคูโบต้า นำองค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร ไปต่อยอดและพัฒนาเกษตรกร ด้วยการทำแปลงทดสอบการปลูกพืชหมุนเวียน (Revolving crop model) ในพื้นที่นาข้าว ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาห้วยตาดข่า จ.อุดรธานี โดยร่วมกับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชขอนแก่น กรมวิชาการเกษตร