ข้าวพันธุ์ กข43

ชนิด : ข้าวเจ้า

คู่ผสม : การผสมเดี่ยว ระหว่างพันธุ์ข้าวเจ้าหอมสุพรรณบุรี และพันธุ์สุพรรณบุรี 1

ประวัติพันธุ์ :
ทดสอบที่ศูนย์วิจัยข้าวสุพรรณบุรี ในฤดูนาปรัง เมื่อปี พ.ศ. 2542 และปลูกคัดเลือกจนได้สายพันธุ์ SPR99007-22-1-2-2-1 ทดสอบผลผลิตในสถานีระหว่างสถานีในนาราษฎร์ โดยมีทดสอบความ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูข้าว

การรับรองพันธุ์ : กรมการข้าว มีมติรับรองพันธุ์ชื่อ กข 43 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2552

ลักษณะประจำพันธุ์ :

  1. เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง ความสูงประมาณ 103 ซม.
  2. อายุเก็บเกี่ยว 95 วัน
  3. ทรงก่อตั้ง ต้นค่อนข้างแข็ง ใบสีเขียวจาง ใบธงเอนปานกลาง
  4. เมล็ดข้าวเปลือกสีฟาง ข้าวกล้องสีขาว รูปร่างเรียว
  5. เมล็ดข้าวเปลือก ยาว x กว้าง x หนา = 10.9 x 2.6 x 2.1 มม.
  6. เมล็ดข้าวกล้อง ยาว x กว้าง x หนา = 7.5 x 2.1 x 1.8 มม.
  7. ปริมาณอมิโลสต่ำ (18.82%)
  8. ข้าวสุกนุ่มเหนียว มีกลิ่นหอมอ่อน
  9. ระยะพักตัวของเมล็ดพันธุ์ประมาณ 5 สัปดาห์

ผลผลิต : เฉลี่ย 561 กิโลกรัมต่อไร่

คุณค่าทางโภชนาการ : ค่าดัชนี้น้ำตาลของข้าว 67.5

ลักษณะเด่น :

  1. อายุการเก็บเกี่ยวสั้น
  2. ค่อนข้างต้านทานต่อโรคไหม้และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

ข้อควรระวัง :
เนื่องจากเป็นข้าวอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ไม่ควรปลูกร่วมกับข้าวที่มีอายุต่างกัน เพราะอาจจะเกิดความเสียหาย จากการทำลายของนกและหนูได้ ข้าวพันธุ์นี้มีลำต้นเล็ก การใส่ปุ๋ยอัตราสูงอาจทำให้ข้าวล้มได้และข้าวพันธุ์นี้ อ่อนแอต่อโรคไหม้ที่พิษณุโลก

พื้นที่แนะนำ : พื้นที่นาชลประทาน พื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานและเกษตรกรมีช่วงเวลาในการทำนาน้อยกว่าพื้นที่ปลูกข้าวอื่นๆ และ/หรือพื้นที่ที่มีปัญหาข้าววัชพืชระบาด

บทความที่เกี่ยวข้อง

การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะสัมพันธ์กับความแก่-อ่อน ขนาด รูปร่าง รสชาติ และน้ำหนักของข้าวโพดหวาน ปัจจุบันข้าวโพดหวานแต่ละพันธุ์มีอายุใกล้เคียงกัน คือ จะออกดอกประมาณ 45-50 วันหลังปลูก และเก็บเกี่ยวเมื่อข้าวโพดหวานมีอายุไม่เกิน 73 วัน ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม เมื่อข้าวโพดหวาน
ทุกวันนี้เกษตรกรชาวไร่อ้อยกำลังเผชิญกับต้นทุนการเพาะปลูกที่สูง เนื่องจากค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากค่าพันธุ์อ้อย ค่าจ้างแรงงานในการปลูกและใส่ปุ๋ย ดังนั้น สยามคูโบต้าจึงได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอ้อยแบบร่องกว้าง เพื่อสามารถใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเข้าไปดูแลไร่อ้อยได้ในทุกระยะการเจริญเติบโต ซึ่งนอกจาก
การปลูกพืชในพื้นที่ดินเค็มควรเลือกชนิดพืชให้เหมาะสม เนื่องจากพืชแต่ละชนิดทนเค็มได้ไม่เท่ากัน สำหรับการจัดการดินเค็มเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจทนเค็ม ควรปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ เช่น แกลบดิบ ขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยพืชสด การให้น้ำควรให้แบบระบบน้ำหยด จะช่วยควบคุมความชื้นดินและความเค็มของ