กลิ่นสับปะรดในอ้อย

ชื่อสามัญ   Pineapple disease

สาเหตุ  เชื้อรา Ceratocystis paradoxa 

อาการ : เป็นโรคที่เกิดกับท่อนพันธุ์ ทำให้ท่อนพันธุ์มีความงอกต่ำ หน่ออ้อยไม่เจริญเติบโต ผ่าลำดู  จะเป็นสีแดงเข้มสลับดำมีกลิ่นเหม็นคล้ายสับปะรด

วิธีการแพร่ระบาด : เชื้อราในดินจะเข้าทำลายทางตามรอยแผล และด้านตัดของท่อนพันธุ์ ต้นอ้อยแก่ก็อาจเป็นโรคโดยติดเชื้อจากดินหรือลมเมื่อนำไปทำพันธุ์จะติดโรคไปกับท่อนพันธุ์ อ้อยก็จะไม่งอก

วิธีการป้องกันรักษา :

เตรียมแปลงปลูกอ้อยให้เหมาะสม อย่าให้แปลงแล้งจัด น้ำขัง หรือแปลงร่มจนเกินไป เพราะถ้าอ้อยงอกช้า เชื้อโรคมีโอกาสเข้าทำลายท่อนพันธุ์ได้นานและมากขึ้น ท่อนพันธุ์ที่นำมาปลูกควรเป็นท่อนพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง งอกได้เร็ว และไม่ใช้อ้อยแก่จัดเกินกำหนดไปทำท่อนพันธุ์ การแช่ท่อนพันธุ์ในน้ำร้อน 50 องศาเซลเซียส นาน 2 ชั่วโมง ทำให้ท่อนพันธุ์งอกช้าจึงควรแช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมีฆ่าเชื้อราก่อนปลูก หรือพ่นสารเคมีหลังปลูกก่อนกลบดิน

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการแพร่ระบาด เตรียมแปลงปลูกอ้อยให้เหมาะสม อย่าให้แปลงแล้งจัด น้ำขัง หรือแปลงร่มจนเกินไป เพราะถ้าอ้อยงอกช้า เชื้อโรคมีโอกาสเข้าทำลายท่อนพันธุ์ได้นานและมากขึ้น ท่อนพันธุ์ที่นำมาปลูกควรเป็นท่อนพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง งอกได้เร็ว และไม่ใช้อ้อยแก่จัดเกินกำหนดไปทำท่อนพันธุ์ การแช่ท่อนพันธุ์ในน้ำร้อน 50 องศาเซลเซียส นาน 2 ชั่วโมง ทำให้ท่อนพันธุ์งอกช้าจึงควรแช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมีฆ่าเชื้อราก่อนปลูก หรือพ่นสารเคมีหลังปลูกก่อนกลบดิน

พาหะนำโรค  :  ท่อนพันธุ์ที่เป็นโรค    ดิน    ลม 

ปัจจัยที่ส่งเสริมการแพร่  :   แปลงปลูกมีน้ำขังระบายน้ำไม่ดี     แปลงร่ม(แดดส่องไม่ถึงโคน) 

สารเคมีที่ใช้ป้องกันและวิธีการใช้ 

  • โปรพิโคนาโซล-แช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมีอัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร นาน 30  นาทีก่อนปลูก
  • บีโนมิล (เบนโนมิล)-แช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมีอัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร นาน 30 นาทีก่อนปลูก
  • ไบลีตัน-แช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมีอัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร นาน 30 นาทีก่อนปลูก

บทความที่เกี่ยวข้อง

การทำนาเปียกสลับแห้ง เป็นเทคนิคการปลูกข้าวที่อาศัยการ ควบคุมระดับน้ำ ในแปลงนา โดยสลับระหว่างช่วงที่มีน้ำขังและช่วงที่ดินแห้ง ซึ่งช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของราก ทำให้ต้นข้าวแข็งแรงและให้ผลผลิตที่สมบูรณ์
การไถเตรียมดินมีวัตถุประสงค์ เพื่อกำจัดวัชพืช และทำให้ดินมีสภาพเหมาะแก่การปลูกข้าว การไถครั้งแรกพลิกดินขึ้นมาแล้วเว้นช่วงให้เมล็ดวัชพืชงอก ยิ่งงอกมากยิ่งดี แล้วไถครั้งที่ 2 หรือไถแปรฝังกลบต้นวัชพืชลงในดิน จะช่วยลดปริมาณวัชพืชได้มาก ช่วงเวลาระหว่างไถครั้งแรกกับครั้งที่ 2 ขึ้นกับปัจจัยในการงอกของเมล็ด
ในปัจจุบันนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทในการทำเกษตรเป็นอย่างมาก ทำให้รูปแบบการทำเกษตรเกิดการเปลี่ยนแปลง เกษตรกรจึงควรปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยก้าวไปสู่การเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Smart Farmer) หรือ เกษตรกรปราดเปรื่อง ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีและการเกษตร สามารถนำมาปรับใช้ร่วมกันได้อย่างลงตัว ช่วยให้การทำเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น