ปุ๋ยชีวภาพหมายถึง ปุ๋ยที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่สามารถสร้างธาตุอาหารหรือช่วยให้ธาตุอาหารเป็นประโยชน์กับพืช
ประกอบด้วยแบคทีเรียตระกูลไรโซเบียม (Rhizobiaceae) ที่สามารถเข้าสร้างปมรากกับพืชตระกูลถั่วได้ และเจริญอยู่ภายในปมรากแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน (Symbiosis) สามารถตรึงไนโตรเจนโดยใช้เอนไซม์ไนโตรจีเนส (Nitrogenase) ในการควบคุมปฏิกิริยาการแลกเปลี่ยนก๊าซไนโตรเจน ที่มีอยู่ในบรรยากาศ ให้เป็นสารประกอบไนโตรเจนเพื่อให้พืชใช้ในการเจริญเติบโตได้
– ใช้กับพืชตระกูลถั่ว
– สามารถให้ไนโตรเจนกับพืชตระกูลถั่วได้ 50 – 100%
– ลดต้นทุนค่าปุ๋ยไนโตรเจนได้อย่างน้อย 50 – 100%
– ช่วยเพิ่มผลผลิตได้อย่างน้อย 20%
ประกอบด้วยราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาที่มีชีวิตที่สามารถสร้างเส้นใยอยู่บริเวณรอบราก แล้วเจริญเข้าไปอยู่ระหว่างเซลล์และภายในเซลล์รากพืช ราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาจะช่วยดูดธาตุอาหารจากภายนอกราก แล้วส่งผ่านไปทางเส้นใยราเข้าไปภายในรากพืช ทำให้พืชได้รับธาตุอาหาร และเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
– แนะนำให้ใช้กับไม้ผล ไม้ยืนต้น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และพืชผักบางชนิด
– ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวรากในการดูดน้ำธาตุอาหาร และคุณภาพผลผลิต
– ลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้อย่างน้อย 25%
– เพิ่มผลผลิตได้อย่างน้อย 10%
ประกอบด้วย Penicillium pinophilum ที่ช่วยเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสในดิน โดยการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต และย่อยสลายฟอสเฟต ปลดปล่อยโมโนไฮโดรเจนฟอสเฟตไอออน (H2PO–4) และไดไฮโดรเจนฟอสเฟต (HPO42– ) ซึ่งพืชสามารถใช้ในการเจริญเติบโต และสร้างผลผลิต
– แนะนำให้ใช้กับดินกรดจัดที่มีการตรึงฟอสเฟตสูง หรือดินที่มีฟอสฟอรัสต่ำโดยใช้ร่วมกับ หินฟอสเฟต
– ช่วยเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสในดิน
– ช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีฟอสเฟต 10 – 25%
หรือปุ๋ยชีวภาพแบคทีเรียส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช (Plant Growth Promoting Rhizobacteria, PGPR) ประกอบด้วยแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในดินบริเวณรอบรากพืช และช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้ โดยแบคทีเรียกลุ่มนี้มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจน เพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืชสร้างสารซิเดอโรฟอร์ (Siderophores) ที่ช่วยเพิ่มการนำธาตุเหล็กเข้าสู้เซลล์พืช และยังสามารถสร้างฮอร์โมนพืช (phytohormones) เช่น ฮอร์โมนกลุ่มออกซิน (auxins) ซึ่งกระตุ้นการยืดตัวของเซลล์ แบ่งเซลล์ และการเปลี่ยนสภาพของเซลล์
– แนะนำให้ใช้กับข้าวโพด ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง
– เพิ่มปริมาณราก และประสิทธิภาพการดูดใช้น้ำและปุ๋ย
– ลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ 25% ของอัตราแนะนำตามค่าวิเคราะห์ดิน
– ช่วยเพิ่มผลผลิตได้อย่างน้อย 10%