ระเบิดดินดาน ก่อนปลูกมันสำปะหลังด้วยเครื่องจักรกลการเกษตร ดียังไง?

มันสำปะหลัง เป็นพืชเศรษฐกิจที่นิยมปลูกกันในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย เนื่องจากปลูกง่าย ทนแล้ง ดูแลรักษาน้อย และมีตลาดรับซื้อจำนวนมาก ซึ่งการจะปลูกมันสำปะหลังให้ได้คุณภาพดีและผลผลิตสูงนั้นประกอบไปด้วยหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือ “การระเบิดดินดาน” ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญในการปรับปรุงและฟื้นฟูโครงสร้างดินให้เหมาะสมสำหรับการปลูกมันสำปะหลัง ให้เจริญเติบโตงอกงาม เพิ่มผลผลิตให้เต็มพื้นที่ ในบทความนี้ KAS จะมาแนะนำวิธีการปลูกมันสำปะหลังพร้อมเทคนิคการระเบิดดินดานแบบครบถ้วนจะมีขั้นตอนอย่างไร ไปดูกัน

รู้ถูก รู้ผิด เรื่องมันสำปะหลัง

มันสำปะหลังเป็นพืชหัวที่ปลูกง่าย ทนต่อความแห้งแล้ง สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปีแต่ฤดูที่เหมาะสมคือ ต้นฤดูฝน พฤษภาคม – มิถุนายน หรือ ปลายฤดูฝน ตุลาคม – ธันวาคม โดยแบ่งการปลูกออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

  1. ร่องแคบ ระยะห่างระหว่างร่องอยู่ที่ 1 เมตร – 1.20 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 60-80 เซนติเมตร ข้อดีคือสามารถปลูกต้นมันสำปะหลังได้จำนวนต้นที่เยอะแต่จำเป็นต้อง ใช้แรงงานคนใน บำรุงรักษาที่เยอะด้วยเช่นกัน
  2. ร่องกว้าง ระยะห่างระหว่างร่องอยู่ที่ 1.4 เมตร – 1.5 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 60-80 เซนติเมตร สามารถปลูกต้นมันสำปะหลังได้น้อยกว่า แต่หัวมันจะมีน้ำหนักมากกว่าทำให้ปริมาณผลผลิตมีความใกล้เคียงกัน และสามารถลดแรงงานคนในขั้นตอนการบำรุงรักษาได้โดยใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการบำรุงรักษา

พันธุ์มันสำปะหลังที่นิยมในประเทศไทย

  • ห้วยบง 60
  • ระยอง 72
  • เกษตรศาสตร์ 50

โดยแต่ละสายพันธุ์ก็มีคุณสมบัติและลักษณะเด่นแตกต่างกัน รวมไปถึงพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสมซึ่งในประเทศไทยนิยมปลูกมันสำปะหลังในดินทราย และ ดินร่วนปนทราย โดยหากเอาเครื่องจักรลงเป็นเวลานานดินทั้งสองชนิดนี้มีโอกาสจะเกิดเป็นชั้นดินดานซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้มันสำปะหลังได้ผลผลิตและคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร

ดินดาน ภัยซ่อนเร้นในแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลัง

ดินดาน คือ ชั้นดินที่ถูกอัดแน่นและทึบ โดยอยู่ลึกจากผิวดินประมาณ 50 เซนติเมตร เกิดจากการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ในพื้นที่เพาะปลูก ดินชนิดนี้จะขัดขวางการชอนไชของรากมันสำปะหลัง ทำให้การไหลเวียนของน้ำและอากาศลดลง การดูดซึมธาตุอาหารก็น้อยลง มีโอกาสเกิดน้ำท่วมขังสูง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหารากเน่าและลดปริมาณผลผลิตอย่างมีนัยสำคัญ

วิธีสังเกตหรือตรวจสอบดินดาน

  1. สังเกตการท่วมขังของน้ำ เนื่องจากดินอัดแน่นทำให้น้ำไม่สามารถไหลผ่านได้
  2. ตรวจสอบโดยใช้เหล็กปลายแหลม แทงแบบสุ่มลงในพื้นที่ 5 จุด หากแทงได้ลึกแสดงว่ายังไม่เกิดชั้นดินดาน แต่หากแทงได้ลึกไม่เกิน 20 เซนติเมตร แสดงว่ามีโอกาสที่เกิดชั้นดินดาน
  3. ตรวจสอบโดยใช้เซ็นเซอร์ ทิ่มลงดินซึ่งจะมีตัวเลขแสดงขึ้นมาว่าชั้นดินดานอยู่ในความลึกเท่าไหร่
  4. ตรวจสอบโดยวิเคราะห์ตัวอย่างดิน ที่ความลึก 50 เซนติเมตร เพื่อวิเคราะห์ความหนาแน่นของดินหากหนารวมมากกว่า 1.65 กรัม/ ลูกบาศก์เซนติเมตร แสดงว่ามีชั้นดินดานเกิดขึ้นในพื้นที่

ขั้นตอนการเพาะปลูกมันสำปะหลัง

1.    การเตรียมอุปกรณ์ปลูกมันสำปะหลัง

  • ท่อนพันธุ์
  • ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน
  • ปุ๋ยอินทรีย์
  • แทรกเตอร์
  • เครื่องไถระเบิดดินดาน
  • อุปกรณ์ยกร่องดิน
  • อุปกรณ์ไถบุกเบิก
  • เครื่องปลูกมันสำปะหลัง
  • โรตารี่
  • เครื่องฝังปุ๋ย
  • โดรนการเกษตร/ เครื่องพ่นอเนกประสงค์

2.    การระเบิดดินดาน

ชั้นดินดานมักเกิดจากการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดใหญ่ในแปลงเพาะปลูกต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ทำให้ดินเกิดการกดทับและอัดแน่น น้ำและอากาศไหลผ่านได้ยาก ส่งผลเสียต่อการปลูกมันสำปะหลัง จึงต้องทำการระเบิดดินดาน เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชก่อนเพาะปลูก โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. กำจัดวัชพืช ในกรณีที่มีวัชพืชเยอะต้องมีการไถดะเพื่อกำจัดวัชพืชก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เศษวัชพืชเป็นอุปสรรคต่อการระเบิดดินดาน โดยใช้แทรกเตอร์ติดตั้งผานพรวน ไถให้ทั่วแปลง 2 รอบ 
  2. ระเบิดดินดาน เพื่อช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้เหมาะกับมันสำปะหลัง โดยใช้แทรกเตอร์ติดตั้งเครื่องไถระเบิดดินดาน ไถตัดสลับกันเป็นตารางหมากรุก

3.    เตรียมดินปลูกมันสำปะหลัง

เมื่อกำจัดวัชพืชและระเบิดดินดานแล้วเรามาเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมดิน

  1. ไถดะและตากหน้าดิน เพื่อกำจัดเมล็ดพันธุ์วัชพืชและเชื้อโรคที่คั่งค้างภายในดิน โดยใช้แทรกเตอร์ติดตั้งผานบุกเบิก
  2. ไถพรวน เพื่อทำการย่อยดินและกลบรอยไถระเบิดชั้นดินดาน โดยใช้แทรกเตอร์ติดตั้งโรตารี่ตีดิน

ทั้งนี้จำนวนครั้งในการไถดะ และไถพรวนในขั้นตอนเตรียมดินอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ขึ้นอยู่กับชนิดดินและปริมาณของวัชพืช

4.    เตรียมท่อนพันธุ์ก่อนปลูกมันสำปะหลัง

ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังมีแหล่งที่มาที่หลากหลาย ทำให้ไม่ทราบว่ามีไวรัส เชื้อรา หรือไข่แมลงติดมาหรือไม่ จึงควรนำไปแช่ในสารเคมี 5 – 10 นาที เพื่อกำจัดและป้องกันศัตรูพืชก่อน โดยมีสารที่แนะนำดังนี้

  • ไทอะมีทอกแซม (Thiamethoxam) 25%  ชนิดผงในอัตราส่วน 4 กรัม/ น้ำ 20 ลิตร
  • อิมิตาโคลพริด (Imidacloprid) 70%  ชนิดผง ในอัตราส่วน 4 กรัม/ น้ำ 20 ลิตร
  • ไดโนทีฟูแรน (Dinotefuran) 10%  ชนิดผง ในอัตราส่วน 40 กรัม/ น้ำ 20 ลิตร

5.    การปลูกมันสำปะหลัง

เริ่มต้นการปลูกมันสำปะหลัง ด้วยแทรกเตอร์ต่อพ่วงกับเครื่องปลูกมันสำปะหลัง โดยปรับระยะห่างระหว่างต้น 60 – 80 เซนติเมตร เมื่อเริ่มทำงานตัวเครื่องจะทำงานโดยรวม 4 ขั้นตอนพร้อมกันคือ ยกร่อง ใส่ปุ๋ยรองพื้น ตัด และปลูกท่อนพันธุ์ด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งทุกท่อนจะตั้งตรง ช่วยให้รากชอนไชได้ดี ดูดธาตุอาหารได้มาก เพิ่มจำนวน ขนาด และน้ำหนักของมันสำปะหลัง

6.    การดูแลรักษามันสำปะหลัง

ขั้นตอนต่อมาคือการดูแลรักษามันสำปะหลังโดยแบ่งออกเป็น 3 งานหลัก ๆ ดังนี้

  1. การให้น้ำมันสำปะหลัง ควรให้ทุก ๆ 7 วัน หากมีฝนตกและปริมาณน้ำฝนน้อยกว่า 5 มิลลิเมตรต่อวัน โดยควรงดเมื่อปริมาณน้ำฝนมากกว่า 5 มิลลิเมตรต่อวัน
  2. การให้ปุ๋ยมันสำปะหลัง จะให้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินโดยเกษตรกรสามารถขอรับการตรวจดินได้ที่กรมพัฒนาที่ดิน คลิกเลย
  3. การฉีดพ่นสารป้องกันแมลงและวัชพืช หลังการปลูก 2 – 3 วัน และอีกครั้งหลังการปลูก 30 – 60 วัน ขณะที่ดินมีความชื้น โดยใช้สารอะลาคลอร์ (Alachlor) ฟลูมิออกซาซิน (Flumioxazin) หรือ ไดยูรอน (Diuron)

การดูแลรักษามันสำปะหลัง สามารถใช้เครื่องจักรกลการเกษตร เช่น โดรนการเกษตร หรือ เครื่องพ่นอเนกประสงค์ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงาน ทดแทนแรงงานคนซึ่งขาดแคลนและหาได้ยากในปัจจุบัน หากขาดแรงงานที่เพียงพอ อาจทำให้เกิดความล่าช้าส่งผลกระทบไปยังคุณภาพและปริมาณผลผลิต รวมไปถึงความเสี่ยงในการสัมผัสสารเคมีซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

7.    การเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง

มันสำปะหลังสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 8 – 16 เดือน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และความต้องการของเกษตรกรว่าต้องการเก็บช่วงไหนถึงจะได้ราคาดี โดยสามารถใช้เครื่องขุดมันสำปะหลังเพื่อให้ผลผลิตสมบูรณ์ไม่เสียหาย

ปรับปรุงผลลัพธ์ ยกระดับวิธีการปลูกมันสำปะหลัง
ด้วยเครื่องจักรกลการเกษตร

แม้ว่ามันสำปะหลังจะปลูกง่าย แต่เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณผลผลิตสูงนั้น ต้องมีวิธีการปลูกที่ถูกต้องตั้งแต่การระเบิดดินดานไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต การนำเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาช่วยในขั้นตอนต่าง ๆ จะส่งเสริมให้การปลูกมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่มากกว่าเดิม ยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่อง

ทดลองเครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับปลูกมันสำปะหลังแบบครบวงจรที่ KUBOTA Farm

หากเกษตรกรท่านใดสนใจการปลูกมันสำปะหลังด้วยเครื่องจักรกลการเกษตรแบบครบวงจร สามารถเยี่ยมชมได้ที่ KUBOTA Farm คลิกเลย หรือสนใจทดลองขับเครื่องจักรกลการเกษตร สามารถติดต่อขอทดลองขับได้ คลิกที่นี่ ทั้งสองรายการสามารถลงทะเบียนได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมผ่านช่องทางดังนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก: กรมวิชาการเกษตร

ดาวน์โหลด :

ที่มาของข้อมูล :

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก และกำจัดศัตรูพืช
ขั้นตอนการปลูกผักตั้งแต่เพาะกล้า ยกร่อง และลงมือปลูก ค่าแรงงานคือต้นทุนหลักในการดำเนินงาน จะมีวิธีไหนที่จะช่วยให้เกษตรกรลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน รวมทั้งปลูกผักได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นได้บ้าง มาหาคำตอบในบทความนี้กัน