
“หญ้าเนเปียร์” รู้จักกันดีว่าเป็น ‘สุดยอดอาหาร’ สำหรับโคนม โคเนื้อ แพะ แกะ ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ลำต้นใบใหญ่ เติบโตเร็วผลผลิตเยอะ ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้ทั้งปี ทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ได้อย่างมหาศาล
…แต่ประโยชน์ของหญ้าเนเปียร์ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะหญ้าชนิดนี้นำไปผลิตเป็น Biomass หรือ พลังงานชีวมวล ใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าทดแทน หมุนเวียนใช้ได้ไร้ข้อจำกัด ไม่ลดทอนทรัพยากรโลก เกษตรกรท่านใดคิดจะปลูกหญ้าเนเปียร์อยู่เป็นทุนเดิม บทความนี้จะมาช่วยให้คุณเริ่มต้นได้ง่ายขึ้นและเพิ่มผลผลิตหญ้าเนเปียร์ให้คุณได้มากขึ้น แต่ก่อนอื่นเรามาดูข้อดีโดยรวมของหญ้าเนเปียร์กันก่อนดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
ประโยชน์ของ‘หญ้าเนเปียร์’

- ปลูกได้ทั้งปี ได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทย
- ดูแลไม่ยาก ปลูกได้ในดินทุกประเภททนแล้งได้ดี แต่ไม่ชอบพื้นที่น้ำขัง
- แตกกอง่าย ผลผลิตเยอะ เก็บเกี่ยวได้ทั้งปี
- ลงทุนน้อย ให้กำไรงาม นำไปเลี้ยงสัตว์ หรือขายส่งโรงงานผลิตพลังงานชีวมวลได้
- ผลผลิตยาวนานถึง 10 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแล บำรุงรักษา)
- โภชนาการสูง โปรตีนสูง เหมาะสำหรับเป็นอาหารให้สัตว์ในฟาร์ม
- ป้องกันการชะล้างหน้าดินผลิตเป็นพลังงานชีวมวล (Biomass) พลังงานสีเขียว พลังงานสะอาด
“ปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผลผลิตดีเต็มที่”
หญ้าเนเปียร์มีประโยชน์มากมายเกษตรกรไทยจึงเริ่มให้ความสนใจในการปลูกหญ้าเนเปียร์ แต่ปัญหาของการปลูกด้วยวิธีการปลูกในปัจจุบัน (ใช้แรงงานคน) ยังมีข้อจำกัดในการปลูกซึ่งทำให้การงอกของหญ้าเนเปียร์ไม่สม่ำเสมอ เพราะต้นที่วางอาจมี ความตื้น ความลึก ระยะห่าง ที่แตกต่าง รวมถึง การกลบท่อนพันธุ์ ที่หากกลบไม่สม่ำเสมอ ‘ท่อนพันธุ์จะแห้งและตาย’ มีอัตราการงอกอยู่ที่ 70% เท่านั้น และเมื่อเก็บเกี่ยว ต้นอาจไม่สม่ำเสมอกัน สังเกตได้จากภาพตัวอย่างด้านล่างนี้


เคล็ดลับการปลูกหญ้าเนเปียร์
เคล็ดลับของการปลูกหญ้าเนเปียร์ให้ทันยุคสมัยที่เทคโนโลยีรุดหน้าในปัจจุบัน นั่นคือการใช้
‘เครื่องจักรกลการเกษตร’
‘เครื่องจักรกลการเกษตร’ ผู้ช่วยปลูกหญ้าเนเปียร์ครบวงจร
อยากปลูกหญ้าเนเปียร์ให้เต็มประสิทธิภาพ ต้องรู้จักเครื่องจักรกลการเกษตร 2 ประเภทนี้
1. แทรกเตอร์ MU-Series และ L-Series
แทรกเตอร์ MU-Series และ แทรกเตอร์ L-Series จาก KUBOTA ตอบโจทย์การปลูกหญ้าเนเปียร์ครบวงจร ตั้งแต่การปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยว โดยสามารถใช้งานคู่กับอุปกรณ์ต่อพ่วงได้ในขั้นตอนดังนี้
- การระเบิดดินดาน
- การไถบุกเบิก
- การไถพรวน
- การปลูก
- การใส่ปุ๋ย
- การกำจัดวัชพืช
- การเก็บเกี่ยว

2. เครื่องปลูกอ้อยตราช้าง รุ่น SP621 สำหรับ MU series
เครื่องปลูกอ้อยตราช้าง รุ่น SP621 นอกจากจะใช้ในการปลูกอ้อยแล้ว ยังสามารถนำมาปลูกหญ้าเนเปียร์ได้อีกด้วย การทำงานของเครื่องจะช่วยวางท่อนพันธุ์หญ้าเนเปียร์ด้วยความลึกที่เหมาะสมและแม่นยำ ลดปัญหาต้นหญ้าเนเปียร์เน่าเสีย เจริญเติบโตสม่ำเสมอโดยมีทั้งระบบแถวเดี่ยวและแถวคู่

“แค่เปลี่ยนก็เพิ่มผลผลิตหญ้าเนเปียร์ถึง 30% “
เครื่องปลูกอ้อย สามารถเข้ามาช่วยเพิ่มผลผลิต ด้วยการวางต้นที่ ‘สม่ำเสมอ’ ช่วยให้รากแข็งแรงดูดซึมธาตุอาหารได้มากและยึดเกาะดินได้ดีกว่า จะเห็นได้จากภาพที่ใช้แรงงานคน เทียบกับใช้เครื่องปลูกอ้อยตราช้าง SP621 ดังนี้


ในด้านของผลผลิต เพิ่มสูงขึ้น 30% ให้ผลผลิตได้มากกว่า กอสวย แตกกอดี เป็นระเบียบ ซึ่งเปรียบเทียบภาพผลผลิตการแตกกอได้ดังนี้


โดยผลลัพธ์จะเห็นได้จากรูปเปรียบเทียบแปลงปลูกหญ้าเนเปียร์ก่อนเก็บเกี่ยวระหว่างแปลงที่ปลูกโดยแรงงานคน กับแปลงที่ปลูกโดยเครื่องปลูกอ้อยตราช้าง SP621 แบบแถวเดี่ยวและแถวคู่ ผลลัพธ์พบว่าแปลงที่ใช้เครื่องจักรกลการเกษตรได้ผลผลิตหญ้าเนเปียร์ที่มากกว่า
หมายเหตุ: การวางแถวเดี่ยว แถวคู่ของเครื่องปลูกอ้อยตราช้างไม่ได้มีความแตกต่างเป็นนัยยะสำคัญในด้านผลผลิต ความแตกต่างอยู่ที่ปริมาณต้นที่มากกว่า แต่จำนวนแถวน้อยกว่า เพราะมีระยะห่างมากขึ้น จึงทำให้หญ้าเนเปียร์ไม่แย่งสารอาหารกันเอง



สิ่งที่ต้องรู้ของการปลูกหญ้าเนเปียร์ นอกเหนือจากเครื่องจักรกลการเกษตร
- ระยะปลูกหญ้าเนเปียร์ขึ้นอยู่กับสภาพดิน การดูแลรักษา และขนาดแทรกเตอร์ที่เลือกใช้
- ดินและปุ๋ยที่เหมาะสมกับการปลูก สามารถเป็นดินร่วน ดินร่วนทราย หรือ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยมูลสัตว์
- หญ้าเนเปียร์ไม่ชอบน้ำขัง ควรปรับพื้นที่ให้เรียบสม่ำเสมอ
- หญ้าเนเปียร์ต้องการน้ำฝน 1,300 – 1,500 มิลลิเมตร/ ปี
- หากมีน้ำชลประทานสามารถเก็บเกี่ยวหญ้าเนเปียร์ได้ถึง 5 – 6 รอบต่อปี
การบำรุงรักษาหญ้าเนเปียร์
การบำรุงรักษาหญ้าเนเปียร์ควรทำอย่างน้อย 3 – 4 ครั้งต่อปี ด้วยปุ๋ยและน้ำที่เหมาะสมกับแปลงหรือพื้นที่ รวมถึงการทำพูนเพื่อป้องกันต้นหญ้าเนเปียร์ล้มหรือถูกชะล้างไปในขณะที่ต้นยังเล็กระหว่างการเก็บเกี่ยวด้วยเครื่องจักร
ในส่วนของ ปุ๋ย สามารถใช้ปุ๋ยคอกผสมปุ๋ยเคมีได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ใส่ปุ๋ยคอกทันทีหลังตัด
- หลังแตกหน่อ 1 สัปดาห์ ใส่ปุ๋ยเคมี อัตรา 10 – 20 กิโลกรัม/ ไร่
- หลังเก็บเกี่ยว 1 ปี ให้สลับสูตรปุ๋ยเป็น 15 – 15 – 15
กรณีที่พื้นที่มีแหล่งน้ำ สามารถวางระบบน้ำได้ ถ้าหากหญ้าเนเปียร์ได้รับน้ำสม่ำเสมอ จะทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 30 – 40%


ข้อปฏิบัติหลังเก็บเกี่ยวหญ้าเนเปียร์
ไม่ว่าจะนำหญ้าเนเปียร์ไปเป็นอาหารแก่สัตว์ในฟาร์มหรือส่งมอบโรงงานไบโอแก๊ส ควรทำให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน เพราะหญ้าเนเปียร์เน่าเสียได้รวดเร็ว ซึ่งหนึ่งในวิธีการรักษาคือการทำให้แห้ง แต่ทั้งนี้ความน่ารับประทานก็อาจลดลง ซึ่งสัตว์ในฟาร์มอาจไม่รับประทานได้
ถึงเวลา ‘เปลี่ยน’ การปลูกหญ้าเนเปียร์เดิม ๆ สู่วิถีการปลูกด้วยเครื่องจักรกลการเกษตร
เกษตรกรหลายท่านอาจยังไม่ทราบถึงการนำเครื่องจักรกลการเกษตรมาใช้ร่วมกับการปลูกหญ้าเนเปียร์มาก่อน ซึ่ง KAS หวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะช่วยให้อุตสาหกรรมเกษตรของไทย โดยเฉพาะการปลูกหญ้าเนเปียร์ สามารถรุดหน้า พัฒนาได้รวดเร็วเท่าทันโลก

ติดต่อสอบถาม สั่งซื้อ สุดยอดตัวช่วยปลูกหญ้าเนเปียร์ แทรกเตอร์ L-Series, MU-Series และ เครื่องปลูกอ้อยตราช้าง SP621 กับ KUBOTA
เริ่มยกระดับการปลูกหญ้าเนเปียร์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ด้วย แทรกเตอร์ L-Series, MU-Series และ เครื่องปลูกอ้อยตราช้าง SP621 กับ KUBOTA ทดลองขับได้ฟรี! คลิกที่นี่ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางดังนี้
- KUBOTA CONNECT เบอร์ 02-029-1747
- ศึกษาข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ Siam Kubota
- ติดต่อผ่านร้านผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ คลิกที่นี่
- Facebook Page: Siam Kubota และ Kubota Drone Club – คูโบต้าโดรนคลับ
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน LINE Official @siamkubota
*ข้อมูลการทดลองในปลูกหญ้าเนเปียร์ ณ พื้นที่ อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ปี 2565 – 2566